หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ / คืนนั้น ที่ในกุฏิ

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    มิคารเศรษฐี "อุบาสก ผู้นับถือนางวิสาขาเป็นมารดา" #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม #ชาดก 500

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    May 30, 2025

    เรื่องราวของ *มิคารเศรษฐี* ผู้ซึ่งเป็นชาวสาวัตถีและนับถือพวกชีเปลือยเป็นศาสนา *ปุณวัฒนะ บุตรชายของท่าน* ไม่ต้องการมีภรรยา แต่เมื่อถูกบิดามารดาคะยั้นคะยอ จึงยอมตกลงหากหาหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเบญจกัลยาณีได้ *พราหมณ์แปดคน* ได้ออกตามหา และพบ *นางวิสาขา* ที่เมืองสาเกต ผู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความงามทั้งห้าและสติปัญญาเมื่อฝนตก นางวิสาขาถูกสู่ขอและแต่งงานกับปุณวัฒนะ ทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญเมื่อนางปฏิเสธที่จะไหว้ชีเปลือยและแสดงความเลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้าในที่สุด *มิคารเศรษฐี* ได้รับการสั่งสอนธรรมะจากพระพุทธเจ้าและบรรลุโสดาบัน ซึ่งทำให้นางวิสาขาได้รับการยกย่องว่าเป็น *มารดาผู้ประเสริฐ* และครอบครัวก็หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    นายกาละ l ไปฟังธรรมเพราะพ่อจ้าง #อนาถบิณฑิกเศรษฐี #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    May 28, 2025

    *นายกาละ* เป็นบุตรชายของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี แม้ว่าบิดาของเขาจะเป็นผู้มีศรัทธามาก แต่ตัวนายกาละเองกลับไม่ได้เป็นเหมือนบิดาในเรื่องนี้ เขาไม่ปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ไม่ต้องการพบพระสงฆ์ในเรือน ไม่ต้องการฟังธรรม และไม่ช่วยเหลือสงฆ์ แม้บิดาจะว่ากล่าวพร่ำสอน เขาก็ไม่ฟัง ท่านเศรษฐีผู้เป็นบิดาเห็นว่า ถ้าลูกชายยังมีความคิดเห็นเช่นนั้น ก็จะมีนรกอเวจีเป็นที่ไป ด้วยความกังวลว่าในขณะที่ตนยังมีชีวิตอยู่ ลูกชายไม่ควรไปอเวจี ท่านเศรษฐีจึงคิดหาทางปรับเปลี่ยนทิฐิของลูกชาย ท่านได้เรียกนายกาละมาและยื่นข้อเสนอว่า ถ้าเขายอมรักษาอุโบสถและไปฟังธรรมที่พระวิหารเชตวันเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน *บิดาจะให้เงิน 100 กหาปณะ* นายกาละซึ่งต้องการเงินจึงรับปากบิดา ในวันอุโบสถ เขาได้สมาทานรักษาอุโบสถแล้วไปอยู่ที่พระวิหาร แต่ได้หลบซ่อนตัวนอนอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็น เมื่อถึงเวลาเช้า เขาก็กลับมาที่บ้าน เศรษฐีเห็นลูกชายกลับมาก็สั่งให้คนรับใช้นำอาหารมาให้ แต่นายกาละกล่าวว่าถ้ายังไม่ได้รับเงินก็จะไม่กินข้าว บิดาจึงนำเงิน 100 กหาปณะมาให้ตามสัญญา
    วันรุ่งขึ้น เศรษฐีได้ยื่นข้อเสนออีกว่า นายกาละจะได้ *เงิน 1,000 กหาปณะ* หากเขายอมไปยืนฟังธรรมต่อหน้าพระพักตร์พระศาสดา และเรียนจำบทธรรมมาได้หนึ่งบท นายกาละรีบไปพระวิหาร ยืนอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้า ตั้งใจว่าจะเรียนจำให้ได้บทหนึ่งแล้วจะกลับไปเอาเงิน แต่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำให้นายกาละไม่สามารถกำหนดจำบทธรรมใดๆ ได้เลย เขายิ่งพยายามต่อไปจนกระทั่งตกค่ำ ในขณะที่พยายามอยู่นั้น เขาก็เกิดความเข้าใจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไปตามลำดับ จนกระทั่ง**บรรลุโสดาปฏิผล** และได้เป็นพระโสดาบัน ในวันรุ่งขึ้น พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ได้เสด็จมาที่เรือนของท่านเศรษฐี โดยมีนายกาละตามมาด้วย ท่านเศรษฐีเห็นอาการของลูกชายแล้วก็ดีใจมาก ส่วนนายกาละเองก็คิดว่าหวังว่าบิดาคงจะไม่พูดเรื่องค่าจ้างในการรักษาอุโบสถและฟังธรรม ท่านเศรษฐีได้ถวายยาคูและของเคี้ยวของบริโภคแก่พระสงฆ์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยเสร็จแล้ว ท่านเศรษฐีได้นำเงิน 1,000 กหาปณะ มาวางตรงหน้าลูกชาย พร้อมกล่าวว่าเป็นเงินที่เคยบอกว่าจะให้หากรักษาอุโบสถและฟังธรรมที่พระวิหาร แต่นายกาละกลับกล่าวว่า *"ผมไม่ต้องการเงินแล้ว"* ท่านเศรษฐีปลาบปลื้มใจมาก จึงกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า วันนี้ข้าพระองค์พอใจในความประพฤติของลูกชายมาก แล้วจึงกราบทูลเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ พระศาสดาตรัสว่า *"วันนี้โสดาปฏิผลเป็นของบุตรท่านแล้ว"* พระองค์ยังได้อธิบายว่า การได้โสดาปฏิผลนั้น *ประเสริฐกว่าจักพรรดิสมบัติ* (ความได้เป็นเอกราชาบนพื้นปฐพี คือ การได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ) ยิ่งกว่าการได้สมบัติในเทวโลกและพรหมโลกเสียอีก ทั้งนี้เพราะโสดาปฏิผลทำให้พ้นจากนรกเป็นต้น และจะไม่เกิดอีกเป็นภพที่ 8 ในขณะที่การได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหรือการเป็นอธิบดีในโลกทั้งปวง (หมายถึงโลกทั้งหมดพร้อมด้วยโลกของนาค ครุฑ และเวมานิกะ ซึ่งก็คือสวรรค์ 26 ชั้น เว้นอบายสี่และมนุษย์หนึ่ง) ก็ยังไม่พ้นจากการเกิดในนรกเป็นต้น เรื่องราวของนายกาละจึงแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต จากผู้ที่ไม่มีศรัทธาและเห็นแก่เงิน จนกระทั่งได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรงและบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ซึ่งเป็นการบรรลุธรรมขั้นต้นที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ในที่สุด และมีคุณค่าประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์สมบัติหรือความเป็นใหญ่ในโลกทั้งปวง แหล่งข้อมูลยังกล่าวถึงคติธรรมว่า บัณฑิตย่อมปรารถนาอภิชาตบุตร (ผู้มีคุณความดีสูงกว่าพ่อแม่) และอนุชาตบุตร (ผู้มีคุณความดีเสมอพ่อแม่) และไม่ปรารถนาอวชาตบุตร (ผู้มีคุณความดีน้อยกว่าพ่อแม่) การที่นายกาละเปลี่ยนแปลงตนเองจนบรรลุธรรมเช่นนี้ อาจถือได้ว่าเขาได้พัฒนาตนเองจากผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นอวชาตบุตรไปสู่การเป็นอภิชาตบุตรหรืออนุชาตบุตรในที่สุด.
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    นางธนัญชานี พราหมณี l "ตำนาน นะโมตัสสะ" ผู้ชอบนอบน้อมพระรัตนตรัย #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    May 14, 2025

    *นางธนัญชานี พราหมณี* ผู้ซึ่งมีความศรัทธาในพระรัตนตรัยอย่างแรงกล้า ต่างจากสามีซึ่งเป็น *มิจฉาทิฏฐิ* แม้ทั้งสองจะมีมุมมองทางศาสนาที่แตกต่างกันแต่ก็ยังคงรักใคร่กัน นางพราหมณีแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าและหมู่ภิกษุสงฆ์อย่างเปิดเผย ในขณะที่สามีหลีกเลี่ยงและไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำสรรเสริญพระรัตนตรัย แม้สามีจะขู่ด้วยความโกรธ แต่นางพราหมณีก็ไม่ละทิ้งความศรัทธาของตน เหตุการณ์ในวันหนึ่งที่นางพราหมณีเผลอเปล่งเสียง *นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ* ท่ามกลางพราหมณ์จำนวนมาก ทำให้พราหมณ์เหล่านั้นไม่พอใจและจากไป เหตุการณ์นี้ผลักดันให้สามีของนางไปท้าทายพระพุทธเจ้า แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้รับคำตอบที่ชาญฉลาดเกี่ยวกับ *การฆ่าความโกรธ* และในที่สุดก็เกิดศรัทธาจนได้บวชเป็นพระภิกษุและบรรลุอรหันต์ในที่สุด
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    พระพุทธเจ้าสอนธรรม ท้าวสักกเทวราช(พระอินทร์)บรรลุธรรม สักกปัญหสูตร

    ธรรมะธรรมชาติ
    Oct 1, 2023
    ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในถ้ำอินทสาละที่ภูเขาเวทิยกะ ทางทิศเหนือ ของหมู่บ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกแห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ เวลานั้น ท้าวสักกะจอมเทพทรงเกิดความขวนขวายเพื่อจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ทรงมีความดำริดังนี้ว่า “บัดนี้ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่ไหนหนอ” ทอดพระเนตรเห็นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ใน ถ้ำอินทสาละ ที่ภูเขาเวทิยกะ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก แห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ จึงรับสั่งเรียกพวกเทพชั้นดาวดึงส์มาตรัสว่า “ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในถ้ำอินทสาละที่ภูเขาเวทิยกะ ทางทิศเหนือของหมู่บ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกแห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ทางที่ดี ชาวเราควรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น”..

    . โดยเรื่องราวในตอนนี้จะเป็นอย่างไรเชิญรับฟังได้เลยครับ

     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    กูฏทันตพราหมณ์ l ผู้ทูลถามยัญสมบัติ 3 บริวาร 16 #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 10, 2025

    พิธีบูชายัญเป็นประเด็นสำคัญโดยเริ่มต้นจากกุฏทันตพราหมณ์ผู้เป็นพราหมณ์ผู้ครอบครองหมู่บ้านชื่อขาณุมัตตาในแคว้นมคธ. *บริบทเริ่มต้นของพิธีบูชายัญของกุฏทันตพราหมณ์*
    • กุฏทันตพราหมณ์กำลังให้คนจัดเตรียมประกอบพิธีบูชายัญ.
    • ในการเตรียมพิธีนั้น มีการนำสัตว์จำนวนมากมาผูกไว้กับเสา ได้แก่ **โคตัวผู้ 700 ตัว, โคตัวเมีย 700 ตัว, ลูกโค 700 ตัว, แพะ 700 ตัว และแกะ 700 ตัว**.
    • กุฏทันตพราหมณ์ปรารถนาที่จะบูชา *มหายันต์* (การบูชายัญอันยิ่งใหญ่).
    • เมื่อกุฏทันตพราหมณ์คิดที่จะเข้าเฝ้าพระสมณโคดมเพื่อทูลถามเกี่ยวกับยันต์สมบัติ 3 ประการซึ่งมีบริวาร 16 พราหมณ์ 100 คนที่พักอยู่ในบ้านขาณุมัตตาซึ่งหวังจะบริโภคมหายันต์ของกุฏทันตพราหมณ์ได้พากันมาห้ามปรามไม่ให้ไปเฝ้าพระสมณโคดม เพราะจะเสียเกียรติยศ โดยอ้างคุณสมบัติต่างๆ ของกุฏทันตพราหมณ์ เช่น ชาติตระกูลดี มีทรัพย์มาก คงแก่เรียน และมีรูปงาม. แต่กุฏทันตพราหมณ์กลับเห็นว่าพระสมณโคดมต่างหากที่มีคุณสมบัติควรแก่การเข้าไปหา.
    *มหายันต์ในอดีตกาลที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง* กุฏทันตพราหมณ์ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่าทรงทราบยัญสมบัติ 3 ประการซึ่งมีบริขาร 16 อย่างหรือไม่ และขอให้ทรงแสดงแก่ตน. พระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าเรื่องในอดีตกาลสมัยพระเจ้ามหาวิชิตาที่ทรงต้องการบูชามหายัญ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์และความสุข. ก่อนการบูชายัญ พราหมณ์ปุโรหิตได้แนะนำให้พระเจ้ามหาวิชิตาทรงปราบโจรผู้ร้ายด้วยวิธีการทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นก่อน โดย:
    • แจกพันธุ์พืชแก่เกษตรกร.
    • ให้ทุนแก่พ่อค้าที่ขยัน.
    • ให้อาหารและค่าจ้างแก่ข้าราชการ.
    เมื่อพระราชาทรงทำตามนั้นก็เกิดผลดี. จากนั้น ปุโรหิตได้ขออนุญาตบูชามหายันต์จากบุคคล 4 เหล่า ซึ่งถือเป็น *ฝ่ายอนุมัติ 4* ซึ่งเป็นเครื่องประกอบของยันต์นั้น: 1. กษัตริย์ที่เป็นเมืองขึ้น. 2. อำมาตย์และข้าราชการที่อยู่ในชนบท. 3. พราหมณ์ในชนบท. 4. คฤหบดีในชนบท. นอกจากนี้ ยันต์ยังมีองค์ประกอบจากคุณสมบัติอีก 2 ส่วน ได้แก่:
    • *คุณสมบัติของพระราชา 8 ประการ* ซึ่งเป็นเครื่องประกอบของยันต์:
    1. มีชาติตระกูลดี. 2. มีรูปงาม. 3. มีทรัพย์มาก. 4. มีกำลังมาก. 5. มีศรัทธาบริจาคทาน. 6. มีการสดับรับฟัง. 7. รู้ความหมายของภาษิตต่างๆ. 8. ฉลาดมีปัญญา.
    • *คุณสมบัติของพราหมณ์ปุโรหิตอีก 4 ประการ* ซึ่งเป็นเครื่องประกอบของยันต์:
    1. มีชาติตระกูลดี. 2. ท่องจำมนต์ได้. 3. มีศีล. 4. ฉลาดมีปัญญา. รวมทั้งหมดเป็น *16 ประการ* (ฝ่ายอนุมัติ 4, คุณสมบัติของพระราชา 8, และคุณสมบัติของปุโรหิต 4). *ลักษณะของมหายันต์ที่ถูกต้องตามธรรม* ปุโรหิตได้แสดงญาณ 3 แก่พระราชาเพื่อมิให้ทรงมีความร้อนพระทัยว่าทรัพย์จะหมดไป. การบูชายัญในครั้งนี้เป็นยันต์ที่:
    • **ไม่มีการฆ่าสัตว์**.
    • *ไม่มีการตัดทำลายต้นไม้* เพื่อสร้างปราสาทต้อนรับผู้มาร่วมพิธี.
    • พวกทาสกรรมกร *ไม่ต้องถูกขู่เข็ญ* มีน้ำตานองหน้า.
    • ยันต์นั้นสำเร็จด้วย **เนยใส น้ำมัน เนยข้น น้ำส้ม น้ำผึ้ง และน้ำอ้อย**.
    • พระเจ้ามหาวิชิตา *ไม่ทรงรับเครื่องบรรณาการ* ที่มีผู้นำมา แต่ทรงให้เพิ่มแก่พวกเขาด้วย และพวกเขาก็ร่วมสละบริจาคไป.
    • เป็นยันต์ที่กระทำโดยธรรม ไม่มีผู้ใดติเตียนได้เลย.
    *ยันต์อื่นที่มีผลมากกว่า* กุฏทันตพราหมณ์ทูลถามต่อไปว่ามียันต์อื่นที่เลิศน้อยกว่าแต่มีผลมากกว่าอีกหรือไม่ พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่ามี ได้แก่:
    1. **การให้ทานเป็นนิจแก่ผู้มีศีล**.
    2. *การสร้างวิหารอุทิศสงฆ์จาตุรทิศ* (พระสงฆ์ทั้ง 4 ทิศ).
    3. *การถึงพระรัตนตรัย* (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์).
    4. **การสมาทานศีล**.
    5. **การออกบวชประพฤติพรหมจรรย์จนบรรลุวิชชา 8**. *ผลลัพธ์หลังจากพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม* เมื่อทรงแสดงพระเทศนาจบ กุฏทันตพราหมณ์เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง.

    • ประกาศตนเป็น *อุบาสก* ถึงพระรัตนตรัยตลอดชีวิต.
    • สั่ง **ปล่อยสัตว์ทั้งหลายให้เป็นอิสระ**.
    • เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาและอริยสัจ 4 กุฏทันตพราหมณ์ก็ **บรรลุเป็นพระโสดาบัน**.


     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    ปิงคิยานีพราหมณ์ l "อุบาสก ผู้เผยแผ่ธรรมในวัชชี" #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม #พระพุทธเจ้า

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 18, 2025

    การณปาลีสูตร - ปิงคิยานีพราหมณ์ทูลสรรเสริญพระพุทธเจ้า *ปิงคิยานีพราหมณ์* อุบาสกผู้เผยแผ่ธรรมะในวัชชี โดยเน้นย้ำถึงศรัทธาอันแรงกล้าของท่านต่อพระพุทธเจ้า ท่านมักจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์แต่เช้าตรู่ และได้สนทนากับ *กาลณปาลีพราหมณ์* เพื่อชี้แจงถึงคุณประโยชน์ของการฟังธรรม โดยยกอุปมาเปรียบเทียบต่างๆ เช่น การเปรียบธรรมะกับการได้น้ำผึ้ง หอมไม้จันทน์ การรักษาโรค หรือการได้ลงอาบน้ำในสระน้ำเย็น อันนำมาซึ่งความสงบและปิติยินดี บทความยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ปิงคิยานีพราหมณ์ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพร้อมกับเจ้าลิจฉวี และได้ถวายผ้า 500 ผืนแด่พระพุทธองค์ ซึ่งเป็นโอกาสให้พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึงรัตนะ 5 ประการที่หาได้ยากยิ่งในโลก ซึ่งรวมถึงพระตถาคต ผู้แสดงธรรม ผู้รู้แจ้งธรรม และผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม รวมถึงผู้ที่มีความกตัญญู บทความนี้จึงเน้นย้ำถึง *ความสำคัญของพระธรรม* และ *ความประเสริฐของพระพุทธเจ้า* ผ่านเรื่องราวของปิงคิยานีพราหมณ์และพราหมณ์อื่นๆ
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    พระวังคีสเถระ l ผู้รับจ้างดีดกระโหลก "เอตทัคคะฝ่ายผู้มีปฏิภาณ" #คนตื่นธรรม #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 21, 2025

    พระวังคีสะ (Phra Vangisa) เป็นพระเถระที่ได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาในตำแหน่งเอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้มีปฏิภาณ
    *ภูมิหลังและวิชาชีพเดิม* เดิมที พระวังคีสะเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่นครสาวัตถี ท่านได้รับการศึกษาจนจบไตรเพทและมีความชำนาญเป็นที่พอใจของอาจารย์ อาจารย์จึงได้สอนมนต์พิเศษที่ชื่อว่า "ชวสีสมมุน" ให้ ซึ่งเป็นมนต์ที่ใช้พิสูจน์ศีรษะซากศพมนุษย์ที่ตายไปแล้วถึง 30 ปีได้ โดยการใช้นิ้วหรือดีดที่กะโหลกก็สามารถรู้ได้ว่าเจ้าของกะโหลกนั้นตายไปเกิดเป็นอะไรและเกิดที่ไหน พระวังคีสะมีความเชี่ยวชาญในมนต์นี้มาก จึงอาศัยมนต์นี้เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต และเริ่มมีชื่อเสียงเลื่องลือมากขึ้น ต่อมาท่านได้ตั้งคณะมีผู้ร่วมงานทำกันเป็นระบบ มีการโฆษณาชักชวนให้คนมาใช้บริการ และเดินทางไปทั่วตามเมืองต่าง ๆ ผู้คนจะนำกะโหลกของญาติที่ตายไปแล้วมาให้พิสูจน์กันมากมาย ทำให้คณะของวังคีสะได้รับสิ่งตอบแทนมากมาย ทั้งสิ่งของ อาหาร และเงินจำนวนมาก จนมีฐานะร่ำรวยขึ้น
    *การพบพระพุทธเจ้า* ขณะที่คณะของพระวังคีสะเดินทางท่องเที่ยวไปตามเมืองต่าง ๆ แล้วย้อนกลับมายังเมืองสาวัตถี พักอยู่ในที่ไม่ไกลจากประตูพระเชตวันมหาวิหารมากนัก พวกเขาเห็นประชาชนถือดอกไม้และเครื่องสักการะไปยังวัดพระเชตวัน จึงถามว่าไปไหนกัน ประชาชนตอบว่า "จะไปฟังเทศน์ที่วัดพระเชตวัน" คณะของวังคีสะจึงชักชวนว่า "มาหาบังคีสาร จะดีกว่า เพราะท่านสามารถรู้ว่าคนที่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นอะไร ไปเกิดที่ไหน" พุทธบริษัทโต้แย้งว่า "ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดจะรู้เท่าเทียมพระพุทธเจ้าของพวกเราได้หรอก" การโต้ตอบนี้กลายเป็นการโต้เถียงที่รุนแรงขึ้นและไม่เป็นที่ยุติ กลุ่มของวังคีสะจึงตามไปที่พระเชตวันมหาวิหารเพื่อพิสูจน์ความสามารถว่าใครจะเหนือกว่ากัน
    *การทดสอบและข้อจำกัดของมนต์*
    พระพุทธเจ้าทรงทราบวัตถุประสงค์ของกลุ่มวังคีสะเป็นอย่างดี จึงรับสั่งให้นำกะโหลกคนตายมา 5 กะโหลก ได้แก่:
    1. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดในนรก
    2. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดในสวรรค์
    3. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    4. กะโหลกของคนตายที่ไปเกิดเป็นมนุษย์
    5. กะโหลกของพระอรหันต์
    เมื่อได้กะโหลกศีรษะครบแล้ว ได้มอบให้วังคีสะตรวจสอบว่าเจ้าของกะโหลกเหล่านั้นไปเกิดที่ไหน วังคีสะตรวจสอบกะโหลกเหล่านั้นไปตามลำดับ และสามารถทราบสถานที่ไปเกิดได้อย่างถูกต้องทั้ง 4 กะโหลกแรก แต่พอมาถึงกะโหลกสุดท้ายซึ่งเป็นกะโหลกของพระอรหันต์ ท่านไม่สามารถทราบได้ ไม่มีเสียงตอบจากเจ้าของกะโหลกว่าไปเกิดที่ไหน วังคีสะจึงนิ่งอยู่คู่หนึ่ง พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า "วังคีสะรู้หรือไม่" วังคีสะตอบว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่รู้ พระเจ้าข้า" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตถาคตรู้" และเมื่อวังคีสะถามว่าทรงทราบด้วยมนต์อะไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ด้วยกำลังมนต์ของตถาคตเอง"
    *การอุปสมบทและการบรรลุอรหัตผล*
    จากนั้น วังคีสะได้กราบทูลขอเรียนมนต์นั้นจากพระบรมศาสดา ซึ่งพระพุทธองค์ก็ทรงรับจะสอนให้ แต่มีข้อแม้ว่า "ผู้เรียนจะต้องบวช จึงจะสอนให้" วังคีสะคิดว่าถ้าเรียนมนต์นี้จบก็จะไม่ใครเทียมได้ จะเป็นประโยชน์แก่อาชีพของตนเป็นอย่างยิ่ง จึงบอกให้พราหมณ์ร่วมคณะเหล่านั้นรออยู่สัก 2-3 วัน เมื่อบวชเรียนมนต์จบแล้วก็จะสึกออกไปร่วมคณะกันต่อไป เมื่อวังคีสะบวชแล้ว พระบรมศาสดาประทานกรรมฐานมีอาการ 32 เป็นอารมณ์ รับสั่งให้สาธยายท่องบริกรรมพร้อมทั้งพิจารณาไปด้วย ฝ่ายพราหมณ์ที่คอยอยู่ก็มาถามเป็นระยะ ๆ ว่าเรียนมนต์จบหรือยัง วังคีสะก็ตอบว่ากำลังเรียนอยู่ ไม่นานนัก ท่านก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา พวกพราหมณ์เหล่านั้นเห็นว่าท่านไม่หวนกลับมาสึกออกไปประกอบอาชีพฆราวาสเช่นเดิมอีกแล้ว จึงได้แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัยของตน
    *บทบาทหลังการบรรลุธรรมและปรินิพพาน*
    พระวังคีสะเมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เป็นกำลังช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเมื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคครั้งใดก็จะกล่าวสรรเสริญพระพุทธคุณบทหนึ่งอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้มีปฏิภาณ คือมีความสามารถในการผูกบทกวีคาถา ท่านดำรงอายุสังขารสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    สุปปพุทธกุฏฐิ l "คนจนผู้ยิ่งใหญ่" คนโรคเรื้อนบรรลุโสดาบัน #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 6, 2025

    สุปพุทธกุฏฐิ เป็นบุคคลที่มีชื่อว่า สุปพุทธะ
    *เขาเป็นชายยากจนขัดสน ผู้ยิ่งใหญ่* เขาเป็นคนกำพร้า ขัดสน ยากไร้ ในกรุงราชคฤห์ *เขาเป็นโรคเรื้อน อย่างหนัก* ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ถูกเรียกว่า สุปพุทธกุฏฐิ *เขาเป็นผู้ที่ยากจนเข็ญใจกว่าใครๆ ในกรุงราชคฤห์* ชีวิตความเป็นอยู่ของเขายากลำบากมาก เขาใช้ผ้าเก่าที่ผู้คนทิ้งไว้ที่กองขยะมานุ่งห่ม และถือกระเบื้อง (ชาม) เที่ยวไปตามบ้านเรือนเพื่อขออาหาร แต่ไม่เคยได้ของหรือได้กินตามที่ชอบใจต้องการเลย สภาพชีวิตที่ยากลำบากและโรคเรื้อนของสุปพุทธกุฏฐิ เกิดจาก *อกุศลกรรมในปางก่อนเบียดเบียน* มีสองเหตุการณ์สำคัญที่กล่าวถึง:
    1. *เหตุการณ์ฆาตกรรม:* ในอดีตชาติ สุปพุทธะเคยเกิดเป็นบุตรเศรษฐีในกรุงราชคฤห์ เขาและเพื่อนสนิทอีก 3 คน ซึ่งเป็นบุตรเศรษฐีเช่นกัน ได้พาหญิงโสเภณีผู้มีเครื่องประดับมากไปร่วมอภิรมย์ด้วยตลอดวัน เมื่อถึงเวลาค่ำ *พวกเขาได้ร่วมกันฆ่าหญิงนั้นเพื่อชิงเอาทองคำมูลค่า 1,000 กหาปนะ* และเครื่องประดับอื่นๆ ไป ก่อนตาย หญิงนั้นได้ตั้งความปรารถนาด้วยความอาฆาตว่า คนเหล่านี้ไร้ยางอาย ไร้ความกรุณา ทำสันทวะด้วยอำนาจกิเลสแล้วยังฆ่าตนผู้ไม่มีความผิดเพราะความโลภในทรัพย์ พวกเขาฆ่าตนได้เพียงครั้งเดียว แต่ตนจะขอเกิดเป็นนางยักษ์เพื่อจะได้ฆ่าพวกเขาทั้งสี่คนได้หลายครั้ง หญิงนั้นเมื่อตายไปได้ไปเกิดเป็นนางยักษินีในสมัยพุทธกาล ในพุทธกาลนั้น บุคคลทั้งสี่ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ได้แก่ ปุคุสาติกุลบุตร (บรรลุอนาคามิผล), สุปพุทธกุฏฐิ (บรรลุโสดาปัตติผล), พาหิยะ ทารุจิริยะ (บรรลุพระอรหันต์), และนายเพชรฆาตข่าวแดง บุคคลทั้งสี่ท่านนี้ *ถูกนางยักษินีซึ่งแปลงร่างเป็นแม่ครูกิด (แม่โคป่า) ฆ่าตายทั้งหมด*
    2. *เหตุการณ์ดูหมิ่นพระปัจเจกพุทธเจ้า:* ในอดีตชาติอีกครั้ง สุปพุทธะเคยเกิดเป็นบุตรเศรษฐีในกรุงราชคฤห์ ขณะเที่ยวเล่นในสวน เขาได้พบเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ตักสิกขี ผู้กำลังบิณฑบาตในเมือง เขาคิดดูหมิ่นว่า "คนโรคเรื้อนเที่ยวไปขอเขากิน" เขาได้ *กล่าวหาว่าท่านเป็นโรคเรื้อน ถ่มน้ำลาย แล้วหลีกหนีไปทางด้านซ้าย* ซึ่งเป็นการแสดงความดูหมิ่นไม่ให้ความเคารพ การให้ความเคารพที่ถูกต้องคือการหลีกไปทางขวา ด้วยบาปกรรมนั้น *ทำให้เขาต้องตกนรกหมกไหม้อยู่สิ้นแสนปี*
    *ผลกรรมที่ยังคงเหลืออยู่ (เศษอกุศล)* เมื่อเขาได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว จึงทำให้เขาขัดสน กำพร้า ยากไร้ และต้องเป็นโรคเรื้อน วันหนึ่ง สุปพุทธะเดินผ่านมาทางวิหารเวฬุวัน เห็นมหาชนจำนวนมากมาประชุมกันอยู่ เขาเกิดความหิว จึงคิดว่าถ้าเข้าไปในวัด อาจจะได้ของกินบ้าง เมื่อเข้าไปภายในวิหารแล้ว เขาก็พบว่าไม่มีของกิน มีแต่ผู้คนมานั่งฟังธรรม แต่ถึงกระนั้น เขาก็ตัดสินใจว่าจะลองฟังธรรมดูบ้าง พระพุทธเจ้าผู้ทรงรู้แจ้งในใจของพุทธบริษัท ทรงพิจารณาว่าจะมีใครบ้างที่ควรจะรู้แจ้งธรรมได้ *พระองค์ทรงทราบว่า สุปพุทธกุฏฐิมีความสามารถที่จะรู้แจ้งธรรมได้* จึงได้ตรัส *อนุบุพพิกถา* ซึ่งเป็นการแสดงธรรมไปตามลำดับ คือ เรื่องทาน ศีล สวรรค์ โทษของกามอันต่ำทรามเศร้าหมอง และอานิสงส์ของการออกจากกาม (เนกขัมมะ) เมื่อทรงทราบว่าจิตของสุปพุทธกุฏฐิมีความพร้อมสำหรับธรรมที่สูงขึ้นแล้ว *พระองค์ก็ทรงแสดงอริยสัจ 4* ผลจากการได้ฟังพระธรรมเทศนา *สุปพุทธกุฏฐิก็ได้เกิดธรรมจักสุขึ้นในใจ และได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน* *เขาเป็นผู้มีธรรมที่ได้บรรลุแล้ว มีธรรมที่ได้รู้แจ้งแล้ว มีธรรมที่ได้หยั่งถึงแล้ว* เขาข้ามพ้นความสงสัยได้แล้ว ปราศจากความเคลือบแคลง ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า และ *ไม่เชื่อต่อผู้อื่นในศาสนาของพระศาสดา (พระพุทธเจ้า) อีกต่อไป* พระพุทธเจ้าได้ตรัสยืนยันว่า สุปพุทธกุฏฐิเป็นพระโสดาบัน เพราะได้สิ้นไปแห่งสังโยชน์เบื้องต่ำ 3 ประการ *เขาเป็นผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา และเป็นผู้เที่ยงที่จะได้ตรัสรู้ (บรรลุธรรมที่สูงขึ้น) ในภายหน้า* หลังจากบรรลุธรรมแล้ว สุปพุทธกุฏฐิได้ลุกจากที่นั่ง เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับ ได้ถวายบังคมและกราบทูลชมเชยพระธรรมเทศนา พร้อมทั้ง *ประกาศตนเป็นอุบาสกผู้นับถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต* พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้แจงให้เขาเห็นแจ้ง ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรม จากนั้น เขาจึงลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระพุทธเจ้า และกระทำประทักษิณ (เดินเวียนขวา 3 รอบ) แล้วเดินกลับออกจากวิหาร หลังจากออกจากวิหารไปไม่นานนัก *สุปพุทธกุฏฐิก็ถูกแม่โคแม่ลูกอ่อนขวิดจนถึงแก่ความตาย* เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับคำอธิษฐานของนางยักษินีในอดีตชาติที่ต้องการฆ่าเขาทั้งสี่คน เมื่อภิกษุทั้งหลายเข้าเฝ้าและกราบทูลเรื่องการตายของสุปพุทธกุฏฐิ และทูลถามถึงภพชาติของเขาหลังจากตายแล้ว พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบว่า *สุปพุทธกุฏฐิเป็นบัณฑิตผู้มีปัญญา ปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรม* และไม่ทำให้พระองค์ต้องลำบากในการแสดงธรรมแก่เขา พระองค์ตรัสย้ำอีกครั้งว่า สุปพุทธกุฏฐิได้เป็นพระโสดาบันแล้ว *เมื่อตายแล้ว เขาจึงไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เข้าถึงความเป็นเทวดาในชั้นดาวดึงส์*
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    พระอุปวาณเถระ l หนึ่งในพุทธอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า #พระยสะ #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 22, 2025

    พระอุปวาเถระ เป็นพระภิกษุรูปหนึ่งในสมัยพุทธกาล ผู้มีบทบาทสำคัญในฐานะอดีตพุทธอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นผู้บรรลุอรหัตผลและมีอภิญญา 6
    *ภูมิหลังและบุพกรรม*
    ในอดีตกาลหลายแสนกัปที่ผ่านมา ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ พระอุปวาเถระในชาตินั้นเกิดในตระกูลคนรับจ้างในนครหังสาวดี ด้วยผลของอกุศลกรรมบางอย่าง เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพาน มหาชนได้สร้างพระมหาเจดีย์สูง 7 โยชน์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เทวดาได้แต่งตั้งเสนาบดีชื่ออภิสัมมัตกะเป็นผู้รักษาเครื่องบูชา ท่านเห็นมหาชนเลื่อมใสในการบูชาพระเจดีย์ จึงปรารถนาจะเป็นทายาทในธรรมของพระองค์ในอนาคต ท่านจึงนำผ้าห่มที่ซักสะอาดแล้วผูกกับไม้ไผ่ทำเป็นธงถวายเป็นพุทธบูชา ยักษ์อภิสัมมัตกะได้นำธงนั้นลอยขึ้นไปในอากาศกระทำประทักษิณพระเจดีย์ 3 รอบ เมื่อเห็นดังนั้น ท่านมีจิตเลื่อมใสยิ่งนัก ได้เข้าหาภิกษุรูปหนึ่งถามถึงผลของการถวายธง พระเถระได้พยากรณ์ว่า ท่านจะได้ท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกตลอด 30,000 กัป ได้เป็นจอมเทวดาเสวยเทวราชสมบัติ 80 ครั้ง และเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 1,000 ครั้ง รวมถึงเป็นพระเจ้าประเทศอันไพบูลย์โดยนับมิได้ เมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกและปรินิพพาน พระธาตุสรีระของพระองค์มีอยู่แห่งเดียว และผู้คนได้สร้างพระเจดีย์สูง 1 โยชน์ ท่านก็ได้จุติมาเป็นอารักขเทวดาในพระเจดีย์นั้น ตามคำอธิษฐานที่ตั้งไว้ การที่ท่านเคยเป็นอารักขเทวดาในพระเจดีย์ของพระพุทธเจ้ากัสสปะมาก่อน เป็นเหตุให้ท่านมีอานุภาพและอำนาจมากในภายหลัง *การเป็นพุทธอุปัฏฐาก*
    พระอุปวาเถระเคยเป็นพุทธอุปัฏฐากอยู่ระยะหนึ่งในช่วงต้นพุทธกาล ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่มีพระพุทธอุปัฏฐากประจำ ในบางครั้งพระนาคสมาระ พระนาคิตะ พระสุนักขัตตะ พระจุนทะสามเณร และพระเมคิยะก็เคยเป็นผู้อุปัฏฐากเช่นกัน พระอุปวาเถระได้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าในทุกอย่าง เช่น กวาดบริเวณ ถวายไม้ชำระพระทนต์ จัดถวายน้ำสงฆ์ ถือบาตรจีวรตามเสด็จ มีครั้งหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงประชวรด้วยลมในท้อง อาการนี้มีมาตั้งแต่ครั้งที่ทรงกระทำทุกรกิริยา 6 พรรษา โดยการเสวยถั่วเขียวและถั่วพูเพียงเล็กน้อย ทำให้ลมในพระอุทรกำเริบ แม้ภายหลังบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณและเสวยโภชนะอันประณีตแล้ว อาพาธนั้นก็ยังปรากฏเป็นระยะๆ ครั้งนั้น พระอุปวาเถระได้เป็นอุปัฏฐากอยู่ ท่านได้ตื่นแต่เช้าตรู่ และเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกให้ต้มน้ำร้อนเพื่อฉัน ท่านก็รับบัญชา ในสมัยนั้น พระพุทธเจ้ายังมิได้ทรงอนุญาตการต้มน้ำแก่ภิกษุทั้งหลาย ท่านจึงเข้าไปยังที่อยู่ของเทวหิตพราหมณ์ ซึ่งเป็นสหายเก่าแก่สมัยเป็นคฤหัสถ์ พราหมณ์ผู้นี้เลี้ยงชีพด้วยการตั้งโรงอาบน้ำร้อน เมื่อพราหมณ์ทราบว่าพระโคดมไม่สบายด้วยโรคลมในท้อง ก็แนะนำยาให้ละลายน้ำอ้อยด้วยน้ำร้อนเล็กน้อยถวายให้ดื่มในเวลาสนธยา เขาบอกว่าพระเสโทจะซึมออกมาภายนอกพระสรีระ และลมในท้องจะหายไปด้วยยา เทวหิตพราหมณ์ได้ให้คนใช้ถือกาต้มน้ำร้อนและห่อน้ำอ้อยตามไปถวายพระอุปวาเถระ ท่านจึงนำไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า และเมื่อทรงเสวยน้ำอ้อยนั้น พระองค์ก็ทรงหายประชวร
    *เหตุการณ์ปรินิพพาน*
    แม้หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงโปรดให้พระอานนท์เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำแล้ว ในวาระสุดท้ายเมื่อพระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพานที่สารวโนทยาน เมืองกุสินารา พระอุปวานะก็ได้ยืนทำหน้าที่ถวายงานอยู่เบื้องพระพักตร์พระพุทธองค์ เทวดาในหมื่นโลกธาตุที่มาประชุมกันเพื่อเข้าเฝ้าและถวายบังคมพระพุทธองค์เป็นครั้งสุดท้ายไม่สามารถเข้าเฝ้าได้ เพราะเห็นท่านอุปวานะยืนขวางอยู่ พระเถระมีรูปร่างใหญ่เหมือนลูกช้าง และเมื่อห่มผ้าบังสุกุลจีวรก็ยิ่งทำให้ดูตัวใหญ่มาก เทวดาไม่สามารถมองทะลุพระอรหันต์ (พระขีณาสก) ได้ และไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เพราะพระเถระมีอานุภาพมาก เทวดาเหล่านั้นจึงติเตียนพระเถระ พระพุทธองค์ทรงทราบเหตุที่เทวดาติเตียนพระเถระ จึงได้รับสั่งให้ท่านพระอุปวาหลีกไป ด้วยพระดำรัสคำเดียวเท่านั้น พระเถระก็วางพัดใบตาลแล้วยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง พระอานนท์เห็นดังนั้นก็บังเกิดความสงสัยว่าเหตุใดพระพุทธองค์จึงทรงขับไล่ท่านอุปวาผู้อุปัฏฐากใกล้ชิดมานานในวาระสุดท้ายเช่นนั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัสตอบว่า เทวดาในหมื่นโลกธาตุมาประชุมกันเพื่อจะเห็นพระตถาคตในเมืองกุสินารา สารวันของพวกเจ้ามัลละนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 12 โยชน์รอบด้าน ตลอดทุกแห่งหนไม่มีที่ว่างแม้เพียงปลายขนทรายจะจรดลง พวกเทวดาเหล่านั้นกล่าวโทษอยู่ว่าพวกเขามาแต่ที่ไกลเพื่อจะเห็นพระตถาคต แต่ภิกษุผู้มีศักดิ์ใหญ่รูปนี้ยืนบังอยู่เบื้องพระพักตร์ทำให้พวกเขาไม่ได้เห็นพระตถาคตในกาลเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยเหตุนี้เอง พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงขับพระเถระเพื่อมิให้ขัดขวางการเข้าชมพระบารมีของเหล่าเทวดาทั้งหลาย
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    โสณฑัณฑพราหมณ์ l ผู้สร้างธรรมเนียมเคารพใหม่ #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 7, 2025

    *โสณทัณฑพราหมณ์* ผู้สร้างธรรมเนียมความเคารพใหม่ ท่านครอบครองนครเล็กๆ ชื่อ *จำปา* ซึ่งเป็นนครที่พระเจ้าพิมพิสารพระราชทานให้เป็นบำเหน็จ ท่านสามารถจัดเก็บภาษีจากผู้คนในนครได้ ทำให้ท่านมีฐานะมั่นคง เนื่องจากนครจำปาอุดมไปด้วยผู้คน หมู่สัตว์ หญ้า ไม้ น้ำ และธัญญาหาร โสณทัณฑพราหมณ์ได้รับการพรรณนาว่ามีคุณสมบัติหลายประการ เช่น:
    • เป็นอุโตสุชาติ ถือกำเนิดดีในวรรณะพราหมณ์ บริสุทธิ์ทั้งฝ่ายมารดาและบิดา
    • มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก
    • จบไตรเพท
    • มีรูปงดงาม น่าเลื่อมใส
    • ยังสอนมนต์แก่มนพถึง 300 คน
    เมื่อท่านได้ข่าวว่าพระสมณโคดม (พระพุทธเจ้า) กำลังเสด็จมายังนครจำปาและประทับอยู่ใกล้สระโบกขรณีคักคาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ประมาณ 500 รูป และเห็นชาวนครจำปาพากันเดินทางออกไปเข้าเฝ้าพระองค์ ท่านจึงสั่งให้คนสนิทไปบอกให้ผู้คนเหล่านั้นรอ เพราะท่านเองก็จะไปด้วย อย่างไรก็ตาม พวกพราหมณ์ที่มากับท่านประมาณ 500 คน ได้พากันเข้ามาห้ามท่านไม่ให้ไปเข้าเฝ้า โดยกล่าวว่าพระสมณโคดมควรจะมาหาท่านมากกว่า เนื่องจากท่านมีคุณสมบัติที่ดีพร้อมตามที่ได้กล่าวมา แต่โสณทัณฑพราหมณ์ฟังแล้วไม่ชอบใจ ท่านคิดที่จะหักล้างความคิดของพวกเขาและยืนยันว่าตนเองต่างหากที่จะต้องไปเข้าเฝ้าพระสมณโคดม ท่านได้กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าเป็นอันมาก เช่น ทรงเป็นอุปโทสุชาติ (มีความบริสุทธิ์ดีทั้งสองฝ่าย), ทรงสละหมู่พระญาติ สละเงินทอง และราชสมบัติทั้งหมด, มีพระรูปงาม มีผิวพรรณดังพรหม มีศีล และทรงสิ้นราคะแล้ว แม้แต่พระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าปเสนทิโกศลก็ยังทรงถึงพระองค์เป็นสรณะ ระหว่างทางที่จะไปเข้าเฝ้า โสณทัณฑพราหมณ์เกิดความวิตกกังวลว่า หากท่านถามปัญหาแล้วพระองค์ตรัสว่าไม่ดี ไม่ควรถาม หรือหากพระองค์ถามแล้วท่านตอบไม่ได้ ผู้คนก็จะหาว่าท่านโง่ ซึ่งจะทำให้ยศและทรัพย์ของท่านเสื่อม พระพุทธเจ้าทรงทราบความกังวลเหล่านี้ของพราหมณ์ เมื่อเข้าเฝ้าแล้ว พระองค์ทรงเลือกถามปัญหาที่โสณทัณฑพราหมณ์เชี่ยวชาญ คือ ปัญหาในไตรเพท โดยตรัสถามว่า ผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติกี่อย่างจึงจะบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์ หรือควรเรียกตนเองว่าเป็นพราหมณ์ได้ โสณทัณฑพราหมณ์ตอบว่าต้องมี 5 อย่าง ได้แก่
    1) มีชาติที่ดี
    2) จำมนต์ในพระเวทได้
    3) มีผิวพรรณดี
    4) เป็นผู้มีศีล
    5) เป็นผู้มีปัญญา
    พระพุทธเจ้าทรงถามต่อว่า หากจะตัดเหลือ 4 ข้อ จะตัดข้อใด ท่านตอบว่าตัดข้อผิวพรรณดีออกได้ หากเหลือ 3 ข้อ จะตัดข้อใด ท่านตอบว่าตัดข้อจำมนต์ออกได้ หากเหลือ 2 ข้อ จะตัดข้อใด ท่านตอบว่าตัดข้อกำเนิด (ชาติ) ออกได้ เมื่อมาถึงตรงนี้ พวกพราหมณ์ที่มาด้วยได้คัดค้านท่านว่าอย่าพูดเช่นนั้น ท่านจะเสียทีพระสมณโคดมได้ โสณทัณฑพราหมณ์จึงตอบโต้โดยยกตัวอย่างหลานชายของท่านชื่อ *อังคกานพ* ที่มานั่งอยู่ด้วย อังคกานพมีผิวพรรณดี จำมนต์ได้ และเกิดในตระกูลบริสุทธิ์ทั้งสองฝ่าย แต่ก็ยังฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ และดื่มน้ำเมา ดังนั้น มนต์และชาติกำเนิดจึงไม่สำคัญเท่า ท่านยืนยันว่า *เมื่อใดที่พราหมณ์เป็นผู้มีศีลและปัญญา 2 คุณสมบัตินี้ จึงควรบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์* และควรเรียกตนเองว่าเป็นพราหมณ์ได้ พระพุทธเจ้าตรัสถามอีกว่า หากตัดเหลือเพียงข้อเดียวจะได้ไหม ท่านตอบว่าตัดอีกไม่ได้แล้ว เพราะศีลชำระปัญญา ปัญญาชำระศีล ในที่ใดมีศีล ในที่นั้นมีปัญญา ในที่ใดมีปัญญา ในที่นั้นมีศีล ศีลกับปัญญาเปรียบเหมือนใช้มือล้างมือ ใช้เท้าล้างเท้า คือชำระซึ่งกันและกัน *ศีลกับปัญญาจึงกล่าวได้ว่าเป็นยอดในโลก* พระพุทธเจ้าทรงรับรองธรรมของพราหมณ์ว่าถูกต้อง จากนั้นได้ตรัสอธิบายกระบวนธรรมที่ทำให้ตรัสรู้ คือ จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ฌาน 4 และวิชา 8 หลังจบพระธรรมเทศนา โสณทัณฑพราหมณ์ได้กราบทูลสรรเสริญและแสดงตนเป็น *อุบาสก ถึงสรณะตลอดชีวิต* พร้อมทั้งอาราธนาพระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์ไปฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น ในรุ่งเช้า หลังถวายภัตตาหารแล้ว โสณทัณฑพราหมณ์เกิดความกลัวว่า ชื่อเสียงและทรัพย์ของตนจะเสื่อม หากผู้คนรู้ว่าตนนับถือพระพุทธเจ้าซึ่งยังหนุ่มกว่า ท่านจึงกราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงเข้าใจว่า ตนเองนับถือพระองค์มานานแต่ไม่สามารถแสดงออกได้ ขอให้พระองค์เข้าใจว่าการกระทำบางอย่างของท่านนั้นเท่ากับการแสดงความเคารพ เช่น:
    • หากอยู่ในท่ามกลางผู้คนแล้วประคองอัญชลีขึ้น ก็เท่ากับลุกขึ้นจากอาสนะถวายบังคมแล้ว
    • หากถอดเครื่องโพกศีรษะออก ก็เท่ากับอภิวาทด้วยศีรษะแล้ว
    • หากกำลังนั่งอยู่ในยานแล้วยกประตักขึ้น (หรือถอนบังเหียน) แสดงว่าลงจากยานทำความเคารพแล้ว
    • หากรถล้มลง แสดงว่าอภิวาทด้วยศีรษะแล้ว (อันนี้น่าจะเป็นการเปรียบเทียบที่แสดงถึงความเคารพอย่างสุดซึ้ง แม้เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ตีความว่าเป็นการก้มเคารพ)
    พระพุทธเจ้าทรงอนุโมทนาทานด้วยธรรมแล้วเสด็จกลับ แหล่งข้อมูลระบุว่า ด้วยความประพฤติเช่นนี้ของพราหมณ์ แม้จะได้พบพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรม *ก็ไม่อาจได้สัมผัสคุณประโยชน์ที่ควรจะได้รับเต็มที่เลย* แต่ก็จะเป็นวาสนาในกาลต่อไป ท้ายที่สุดแหล่งข้อมูลได้กล่าวถึงคาถาว่า "คบหากับคนประเสริฐ ก็จะพลอยประเสริฐไปด้วย" (ไซยยโส ไสยยโส โหติโย ไสยมุปเสวติ)
     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    มหาธรรมปาลชาดก l "เหตุที่ไม่ตายในวัยหนุ่ม" #ศีลห้าคุ้มครอง #พระพุทธเจ้าสอน #เรื่องเล่าขนลุก #กรรมดี

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 27, 2025

    *มหาธรรมปาลชาดก* ซึ่งเป็นเรื่องราวที่พระศาสดาทรงตรัสเล่าแก่พระพุทธบิดา เพื่อแสดงให้เห็นถึง *อานิสงส์ของการประพฤติธรรม* ในสมัยที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น ธรรมปาลกุมาร บิดาของท่านแสดงความไม่เชื่อต่อข่าวการตายของบุตรชาย โดยอ้างว่า *ธรรมเนียมของตระกูลไม่มีผู้ใดตายในวัยหนุ่ม* อาจารย์ของธรรมปาลกุมารจึงเดินทางไปพิสูจน์และได้เรียนรู้ว่า *การรักษาศีล 5, การให้ทาน, การประพฤติพรหมจรรย์นอกกาย และการละเว้นความชั่ว* เป็นเหตุผลที่ทำให้คนหนุ่มสาวในตระกูลนั้นไม่ตาย พระศาสดาทรงสรุปว่าการประพฤติธรรมนั้นย่อมคุ้มครองรักษาผู้ปฏิบัติ และในที่สุด พระพุทธบิดาก็ได้บรรลุธรรมหลังฟังเรื่องราวนี้ ในชาดกนี้ *แนวคิดที่ว่าคนในตระกูลธรรมบาลจะไม่ตายในวัยหนุ่ม แต่จะตายเมื่อแก่แล้วเท่านั้น* ถือเป็นประเพณีของตระกูลนี้ อาจารย์ทิสาปาโมกข์ถึงกับนำกระดูกแพะมาแสดงว่าเป็นกระดูกของธรรมปาลกุมาร เพื่อลองใจบิดาของธรรมปาลกุมาร แต่บิดากลับหัวเราะและยืนยันว่าบุตรของตนยังไม่ตาย เพราะในตระกูลของพวกตนตลอด 7 ชั่วโคตร ไม่เคยมีใครตายตั้งแต่ยังหนุ่มเลย เหตุผลที่คนหนุ่มสาวในตระกูลธรรมบาลไม่ตายนั้น มาจาก
    *การประพฤติธรรมและคุณธรรมที่สืบทอดกันมา* ดังนี้:
    • *การประพฤติธรรมและงดเว้นความชั่ว* พวกเขาประพฤติธรรม ไม่กล่าวคำเท็จ งดเว้นกรรมชั่ว และงดเว้นกรรมอันไม่ประเสริฐทั้งหมด
    • *เลือกคบสัตบุรุษ* พวกเขาฟังธรรมของทั้งอสัตบุรุษ (คนไม่ดี) และสัตบุรุษ (คนดี) แต่ไม่ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษเลย จึงละทิ้งอสัตบุรุษและไม่ละทิ้งสัตบุรุษ
    • *ความตั้งใจในการให้ทาน* ก่อนที่จะให้ทาน พวกเขาเป็นผู้มีใจตั้งใจดี แม้กำลังให้ก็มีใจผ่องแผ้ว และเมื่อให้แล้วก็ไม่เดือดร้อนในภายหลัง
    • *การสงเคราะห์ผู้อื่น* พวกเขาเลี้ยงดูสมณพราหมณ์ คนเดินทาง ผู้นิพพก ยาจก (ผู้ขอ) และคนยากไร้ทั้งหลายให้อิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำ
    • *การไม่นอกใจคู่ครองและการประพฤติพรหมจรรย์* พวกเขาไม่นอกใจภรรยา และภรรยาก็ไม่นอกใจพวกเขา พวกเขาประพฤติพรหมจรรย์นอกภรรยาของตน (หมายถึงการประพฤติพรหมจรรย์ในความสัมพันธ์กับคู่ครองของตนเอง ไม่ประพฤติผิดในกาม)
    • *การรักษาสีล 5* พวกเขางดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากสิ่งของที่เขาไม่ให้ (ไม่ลักขโมย) ไม่ดื่มของมึนเมา และไม่กล่าวคำเท็จ (กล่าวคำจริง)
    • *บุตรธิดาผู้มีปัญญาและคุณธรรม* บุตรที่เกิดจากภรรยาผู้มีศีลดีเหล่านั้น เป็นคนฉลาด มีปัญญา เป็นพหูสูตร (มีความรู้มาก) และเรียนจบไตรเพท (ความรู้ 3 อย่าง)
    • *ทุกคนในครอบครัวประพฤติธรรม* ทั้งมารดา บิดา พี่น้อง บุตร ภรรยา และทุกคนในตระกูลล้วนประพฤติธรรม มุ่งประโยชน์ในโลกหน้า
    • *คนรับใช้ก็ประพฤติธรรม* แม้กระทั่งทาสี คนที่อาศัยเลี้ยงชีวิต คนรับใช้ และคนงานทั้งหมด ล้วนแต่ประพฤติธรรม มุ่งประโยชน์ในโลกหน้า
    ในที่สุด พราหมณ์ (บิดาของธรรมปาลกุมาร) ได้แสดงถึงคุณของผู้ประพฤติธรรมด้วยคาถาที่สำคัญว่า "**ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้** นี่เป็นอานิสงส์ในธรรมที่ประพฤติดีแล้ว ผู้ประพฤติธรรมย่อมไม่ไปทุคติ *ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม เหมือนร่มไม้ในฤดูฝน* ฉะนั้น ธรรมปาลของเราอันธรรมคุ้มครองแล้ว กระดูกที่ท่านนำเอามานี้เป็นกระดูกสัตว์อื่น บุตรของเรายังมีความสุข"

     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    นางสารีพราหมณี l มารดาพระสารีบุตร "วันปรินิพพานพระสารีบุตร" #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    May 23, 2025

    *นางสารี พราหมณี* มารดาของพระสารีบุตร ผู้มีบุตรถึงเจ็ดคนซึ่งต่อมาได้ออกบวชทั้งหมดพร้อมทั้งหลาน โดยได้กล่าวถึง *ลำดับการออกบวชของบุตรแต่ละคน* และเหตุการณ์ที่ *พระสารีบุตรกลับไปเยี่ยมมารดา* และแสดงธรรมจนนางบรรลุโสดาปัตติผล นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง *การปรินิพพานของพระสารีบุตร* ณ บ้านเกิดของท่าน และการสร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุตามคำสั่งของพระพุทธเจ้า.
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    ผันทชาดก - การผูกเวรของหมีและไม้ตะคร้อ #ฟังธรรมก่อนนอน #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 4, 2025

    การผูกเวร หมายถึง *การถือโกรธ หรือการสร้างความเป็นศัตรู* ระหว่างกัน. เรื่องราวในผันทชาดกที่นำมาแสดงนั้น เป็นการกล่าวถึง *การผูกเวรของหมีและไม้ตะค้อ**.การผูกเวรเริ่มต้นขึ้นเมื่อหมีตัวหนึ่งนอนอยู่ที่โคนต้นตะค้อ แล้วกิ่งแห้งของต้นไม้ได้ตกลงมาถูกคอของหมีโดยบังเอิญ. หมีตกใจและเข้าใจผิดคิดว่าเทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้นั้นไม่ต้องการให้ตนนอนอยู่ที่นั่น. หมีจึงเกิดความโกรธและ **ผูกโกรธในที่ที่ไม่ใช่ฐานะ* และประกาศว่าจะให้คนมาขุดโค่นต้นตะค้อทั้งรากทั้งต้นเพื่อแก้แค้น. เมื่อรุกขเทวดา (เทวดาผู้สิงอยู่ ณ ต้นตะค้อ) ทราบถึงความอาฆาตของหมี และเห็นว่าหมีกำลังจะทำลายวิมานของตน (คือต้นไม้) เทวดาก็คิดว่าต้อง *ล้างผลาญหมีตัวนี้ด้วยอุบายอย่างหนึ่งให้ได้**. นี่คือการที่เทวดาผูกเวรตอบ. รุกขเทวดาจึงแปลงกายไปหลอกช่างไม้ที่กำลังหาไม้ทำรถ โดยแนะนำให้ช่างไม้ใช้เล่ห์กลลวงหมีมา เพื่อลอกเอาหนังที่คอของหมีประมาณ 4 นิ้วไปหุ้มกงล้อรถ ซึ่งจะทำให้กงล้อแข็งแรง. ด้วยอุบายนี้เอง รุกขเทวดาจึง **จองเวรสำเร็จ* โดยเป็นเหตุให้ช่างไม้สามารถฆ่าหมีได้. พระศาสดาทรงสรุปถึงผลของการผูกเวรในเรื่องนี้ว่า *ไม้ตะค้อฆ่าหมี และหมีก็ฆ่าไม้ตะค้อ ต่างก็ฆ่ากันและกันด้วยการวิวาทกัน* ด้วยประการฉะนี้. และทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงเพื่อเตือนภิกษุทั้งหลายให้ *อย่าวิวาทกัน อย่าเป็นทางหนีและไม้ตะค้อ* (หมายถึงการเป็นศัตรูที่ทำลายล้างกัน). ดังนั้น การผูกเวรสามารถเกิดขึ้นได้จากความเข้าใจผิดและอารมณ์โกรธในเรื่องที่ไม่สมควร และนำไปสู่การแก้แค้นและการทำลายล้างซึ่งกันและกันในที่สุด.
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    กปิลมัจฉา l "ปลาชื่อ กปิละ" ปลาปากเหม็นเพราะด่าผู้มีศีล #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 1, 2025

    เรื่องราวของ *พระกปิละ* ซึ่งเป็นภิกษุในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ โดยท่านได้ศึกษาพระไตรปิฎกจนเชี่ยวชาญแต่กลับถูก *ตัณหา* เข้าครอบงำ ทำให้พูดจาดูถูกภิกษุผู้มีศีล และยังปฏิเสธการสวดพระปาติโมกข์ ส่งผลให้เกิดใน *อเวจีมหานรก* หลังจากนั้นได้มาเกิดเป็น *ปลาสีทองแต่ปากเหม็น* ซึ่งเป็นการแสดงผลของกรรมที่ได้กระทำไว้ ทั้งยังกล่าวถึงผลของ *ตัณหา* ที่นำพาไปสู่ภพภูมิต่างๆ และการที่บุคคลจะหลุดพ้นได้ด้วยการละ *ตัณหา* นั้นเอง.
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    จันทกินนรชาดก l ชาดก "ว่าด้วยความจงรักภักดี" #พระพุทธเจ้า #พระไตรปิฏก #ชาดกสอนใจ #นิทานธรรมะ

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Jun 26, 2025

    ในชาดกเรื่อง *จันทกินรี* นี้ *พระศาสดา* ทรงเล่าเรื่องเพื่อแสดง *ความจงรักภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลง* ของพระมารดาพระราหุล โดยย้อนไปในอดีตกาลสมัย *พระเจ้าพรหมทัต* พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดเป็น *จันทกินนร* อาศัยอยู่กับ *จันทา* ผู้เป็นภรรยาบนเขา *จันทบรรพต* ชาดกกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ *พระราชา* ได้ทรงกระทำบาปด้วยการยิง *จันทกินนร* เพราะลุ่มหลงใน *จันทา* อย่างไรก็ตาม *ความรักที่มั่นคง* ของจันทาที่มีต่อสามี ทำให้เธอสามารถขอให้ *ท้าวสักกะ* ช่วยชีวิตสามีให้ฟื้นคืนได้สำเร็จ โดยเหตุการณ์นี้ยังถูกตีความว่าเป็นการเชื่อมโยงบทบาทในอดีตกับตัวละครในปัจจุบันอีกด้วย. พระพุทธเจ้าเมื่อประทับอยู่ที่กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงรำลึกถึงพระนางยโสธรา (มารดาของพระราหุล) ผู้มีความจงรักภักดีมั่นคงไม่เสื่อมคลายแม้พระพุทธเจ้าจะออกผนวช ทรงเล่าเรื่องอดีตชาติ คือ "จันทกินนรชาดก" เพื่อแสดงถึงความรักมั่นคงในชาติปางก่อน เนื้อเรื่องในอดีตชาติ: พระโพธิสัตว์เกิดเป็น “จันทกินนร” อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์กับภรรยาชื่อ “จันทา” อย่างสงบสุข พระราชาแห่งเมืองพาราณสีทรงออกผนวช เดินป่าลึกและได้เห็นจันทกินนรกับจันทารำฟ้อนร้องเพลงกันอย่างสุขสันต์ พระราชาเกิดความหลงรักจันทา จึงยิงจันทกินนร หวังจะได้ตัวจันทาไป จันทกินนรบาดเจ็บสาหัส ร่ำไห้กล่าวคำอาลัยรักต่อภรรยา 4 คาถา ก่อนจะหมดสติ จันทาร่ำไห้เสียใจ กล่าวคำสาปแช่งพระราชา 5 คาถา และไม่ยอมเป็นมเหสีของพระราชา พระราชาถูกปฏิเสธอย่างเด็ดขาด จึงตัดใจจากไป นางจันทานำร่างสามีกลับไปกอดบนยอดเขา ร่ำไห้ถึงความหลัง 12 คาถา ด้วยแรงอธิษฐานและความรักมั่นคงนั้น ทำให้ “ท้าวสักกะ” (พระอินทร์) ปรากฏกายมาโปรด รักษาจันทกินนรให้หายดี ทั้งสองได้อยู่ร่วมกันต่อในป่าอย่างเป็นสุข พระพุทธเจ้าทรงสรุปว่า: นางจันทาคือพระนางยโสธราในชาตินี้ ผู้ซื่อสัตย์รักมั่นในพระองค์แม้ข้ามชาติ
    ใจความสำคัญ: “แม้ชาติเป็นสัตว์ ก็ยังรักมั่นในคู่ครอง ไม่เอาใจออกห่าง ไม่แยแสผู้ใดอื่น” เป็นตัวอย่างของ ความจงรักภักดี ความรักที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ซึ่งเป็นธรรมะสอนใจทั้งฆราวาสและนักบวช
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    สิริคุตต์ l กัลยาณมิตรของครหทินน์ #พระไตรปิฏก #คนตื่นธรรม #พระพุทธเจ้า

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Apr 30, 2025

    เรื่องราวของ สิริคุตต์ ผู้เป็นอุบาสกที่นับถือพระรัตนตรัย และ คหทินน์ เพื่อนผู้เป็นนิครนถ์ซึ่งพยายามชักชวนสิริคุตต์ให้หันมานับถือพวกตน คหทินน์ อ้างว่าพระศาสดาของตนนับถือรู้อดีต อนาคต และปัจจุบันทั้งหมด แต่สิริคุตต์ได้ทดสอบโดยการวางแผนหลุมพรางซึ่งพวกนิครนถ์ตกลงไปหมด พิสูจน์ว่าพวกเขามิได้รู้ทุกสิ่งตามที่อ้าง เมื่อเรื่องถึงพระราชา คหทินถูกปรับไหม ต่อมาคหทินพยายามแก้แค้นโดยวางกับดักเช่นเดียวกันเพื่อพระพุทธเจ้าและภิกษุ แต่พระพุทธเจ้าทรงเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและแสดงปาฏิหาริย์เหยียบดอกบัวข้ามหลุมไป ทำให้คหทินได้เห็นอานุภาพของพระพุทธเจ้าและเกิดศรัทธา ในที่สุด สิริคุตต์ และ คหทิน ได้บรรลุธรรมหลังจากฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรม.
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    โกสิยเศรษฐี l "เศรษฐีขนมเบื้อง" #พระมหาโมคคัลลานะ #พระอรหันต์ #คนตื่นธรรม #พระพุทธเจ้า

    อาจารย์ธนากร ปุสวงศ์
    Apr 29, 2025

    เรื่องราวของ *โกสิย เศรษฐี ผู้มีทรัพย์สินมากมาย แต่กลับเป็นคน **ตระหนี่ถี่เหนียวอย่างยิ่ง* ซึ่งความตระหนี่ของเขานั้นปรากฏชัดเจนแม้แต่กับตัวเองและคนใกล้ชิด เรื่องราวได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เศรษฐีอยากกิน *ขนมเบื้อง* แต่กลับไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวเสียเงิน จนกระทั่ง *พระพุทธเจ้าทรงทราบถึงอุปนิสัย* ของเศรษฐีและภรรยา จึงทรงส่ง *พระมหาโมคคัลลานะ* ไปโปรด และด้วยฤทธิ์ของพระเถระ รวมถึงอานิสงส์จากการถวายขนมและปัจจัยต่างๆ แด่พระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ทำให้ *เศรษฐีและภรรยาบรรลุโสดาบัน* และได้ *บริจาคทรัพย์สมบัติทั้งหมด* ในพระพุทธศาสนา
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,515
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,089
    08-อังคุลิมาลสูตร พระองค์คุลิมาลเถระ | #เปิดพระไตรปิฎก

    พระมหาสมเกียรติ ญาณสุทฺโธ
    Apr 21, 2025

    08-อังคุลิมาลสูตร พระองค์คุลิมาลเถระ |
    #เปิดพระไตรปิฎก
    อหิงสกะ เป็นบุตรของ ปุโรหิต คัคคะ และ นางมันตานี ได้รับการสั่งสอนที่ผิดจากอาจารย์ทำให้ต้องกลายเป็นโจรฆ่าคน แล้วตัดนิ้วมาคลองเป็นมาลัย จึงได้ชื่อว่า องคุลิมาล จนวันหนึ่งได้พบพระพุทธเจ้า จึงได้กลับใจบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
    ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://84000.org/ พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
     

แชร์หน้านี้

Loading...