ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    สงครามภาษีสหรัฐล้อมไทย 1.ภาษีต่างตอบแทน 36% 2.ภาษีขั้นพื้นฐาน 10% 3.ภาษี 25% ไทยส่งเหล็ก-รถยนต์ 4.ขู่เก็บภาษีอีก 10% ประเทศในกลุ่มบริคส์(BRICKS) สหรัฐย้ำถ้าไทยขึ้นภาษีตอบโต้ สหรัฐขึ้นภาษีสูงอีก BTimes
    https://www.facebook.com/share/p/1Er3TeFXvL/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    การกลับมาของนโยบายกีดกันทางการค้าของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง 'โดนัลด์ ทรัมป์' ด้วยมาตรการ Reciprocal Tariff อัตรา 36% ไม่เพียงเขย่าภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกเท่านั้น
    .
    แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมทันทีสู่เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพิงการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากถึง 1 ใน 5 ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด และถือเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะ 'ดีมานด์ช็อก' ที่กำลังลามสู่ภาคธุรกิจ ภาคการผลิต และกำลังซื้อของผู้บริโภค
    .
    ผลสำรวจ UOB Business Outlook Study 2025 สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจไทยที่ถดถอยลงต่อเนื่อง และความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
    .
    อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทาย ธุรกิจไทยยังคงแสดงศักยภาพในการปรับตัว ผ่าน 3 แนวทางหลัก ได้แก่ การขยายตลาดสู่ภูมิภาค การนำเทคโนโลยีมาใช้ และการเร่งมาตรการ ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
    .
    [ สหรัฐฯ เล่นแรง ประกาศขึ้นภาษีไทย 36% ]
    .
    วันนี้ 8 ก.ค. 2568 ประเทศไทยได้รับเอกสารแจ้ง 'ภาษีตอบโต้ทางการค้า' จากสหรัฐฯ ด้วยอัตรา Reciprocal Tariff 36% ซึ่งกระทบสินค้าไทยหลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นอาหารแปรรูป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอุปกรณ์การแพทย์
    .
    ผลกระทบแบ่งออกเป็น 3 ระลอก ได้แก่:
    .
    1. ภาคส่งออกโดยตรง ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทันที ความต้องการลดลง สต๊อกสินค้าค้างมากขึ้น และต้องลดรอบการผลิต หรือลดโอทีพนักงาน ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของคนในประเทศ
    .
    2. ผู้ผลิตในห่วงโซ่อุปทาน Suppliers ที่ผลิตชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบให้กับผู้ส่งออกก็ได้รับผลกระทบตามมา โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ที่ขาดความยืดหยุ่นทางการเงิน
    .
    3. การแข่งขันจากจีน เมื่อสหรัฐฯ กีดกันจีนและไทยพร้อมกัน สินค้าจีนจำนวนมากทะลักเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนในราคาถูกลง เพิ่มการแข่งขันในตลาดที่ 3 เช่น มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ภายในประเทศเอง
    .
    [ ความเชื่อมั่นถดถอย ธุรกิจต้องเอาตัวรอด ]
    .
    จากผลสำรวจของ UOB พบว่า
    .
    • ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจไทยลดลงเหลือเพียง 52% ในปี 2568 จาก 62% ในปี 2566
    .
    • กลุ่มที่กังวลมากที่สุดคือ SMEs
    .
    • อุปสรรคหลัก ได้แก่ เงินเฟ้อ ต้นทุนพุ่ง ความไม่แน่นอนด้านภาษี และอัตราแลกเปลี่ยน
    .
    แนวทาง 'เอาตัวรอด' ที่สำคัญในระยะสั้น ได้แก่
    .
    • วิเคราะห์ตลาดเดิมว่า 'ราคาสินค้าของเรายังแข่งขันได้หรือไม่'
    .
    • ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตและซัพพลายเชน
    .
    • หาพันธมิตรใหม่ เช่น Distributor ท้องถิ่น เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายในภูมิภาค
    .
    • ร่วมโครงการสนับสนุนจากธนาคาร เช่น knowledge sharing, cost advisory, export tools
    .
    [ ดิจิทัล & ESG ตัวช่วยใหม่ในภาวะวิกฤต ]
    .
    หนึ่งในเครื่องมือสำคัญของการปรับตัวคือ 'เทคโนโลยีดิจิทัล' และ 'ESG' โดยจากผลสำรวจ พบว่า
    .
    • 68% ของธุรกิจไทย วางแผนเร่ง Digital Transformation
    .
    • 60% ให้ความสำคัญกับ ESG มากขึ้นภายหลังมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
    .
    • แต่มีเพียง 53% เท่านั้นที่ลงมือทำจริง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง
    .
    อุปสรรคยังคงอยู่ เช่น ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ ต้นทุนเทคโนโลยี หรือพฤติกรรมลูกค้าที่ยังไม่พร้อมจ่ายแพงขึ้นสำหรับสินค้ายั่งยืน แต่ก็เป็นโอกาสหากธุรกิจสามารถแสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าในระยะยาว
    .
    [ โอกาสใหม่ 'ภูมิภาคนิยม' มาแทนโลกาภิวัตน์ ]
    .
    เมื่อโลกเริ่มถอยห่างจากโลกาภิวัตน์ ประเทศไทยและธุรกิจไทยสามารถหันไปหาโอกาสในระดับภูมิภาคที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วขึ้น ข้อมูลสำคัญ พบว่า
    .
    • 90% ของธุรกิจไทย ตั้งเป้าขยายตลาดต่างประเทศ
    .
    • 60% ของแผนขยายตลาดเน้น อาเซียนเป็นหลัก
    .
    • ประเทศเป้าหมาย ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม รองลงมาคือจีนและญี่ปุ่น
    .
    • สิ่งที่ต้องการ: การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ข้อมูลเชิงลึก และพันธมิตรท้องถิ่น
    .
    [ กลยุทธ์การเอาตัวรอดสำหรับธุรกิจไทย ]
    .
    1. ทำความเข้าใจตลาดใหม่ในระดับภูมิภาค ผ่านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและช่องทางการขายแบบดิจิทัล
    .
    2. ใช้โอกาสจาก Megatrends เช่น สังคมผู้สูงอายุ กลุ่มนี้ต้องการสินค้าหรือบริการเฉพาะ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อาหารทางการแพทย์
    .
    3. สร้างความแตกต่างผ่าน ESG การทำให้แบรนด์มีจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะเป็นแต้มต่อในตลาดใหม่
    .
    4. ลงทุนในคน ปัญหาหลักที่ยังมีอยู่คือแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะ ดังนั้นการอบรมและรักษาพนักงานกลุ่มนี้คือกุญแจสำคัญ
    .
    [ ไม่ใช่แค่อยู่รอด แต่ต้อง 'ปรับให้ไว และรุกให้ทัน' ]
    .
    'ภาษีทรัมป์' ไม่ใช่เพียงแค่มาตรการภาษี แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่ ที่บีบบังคับให้ทุกประเทศและทุกธุรกิจต้องตื่นตัวและปรับตัว ไม่ใช่แค่ 'เอาตัวรอด' แต่ต้องเปลี่ยนเกมให้เป็น 'โอกาส'
    .
    ธุรกิจไทยมีศักยภาพมากพอจะเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ผ่านการขยายตลาดในอาเซียน การใช้เทคโนโลยี และการเร่งความยั่งยืน เพื่อวางรากฐานสู่อนาคตอย่างมั่นคงยิ่งกว่าเดิม...
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/1CBvPZ7m3s/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ‘จีน’ ขู่ตอบโต้ประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐฯ กีดกันจีนออกจากห่วงโซ่อุปทาน
    .
    วันนี้ (8 ก.ค.) หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี่ (People’s Daily) ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีน เผยแพร่บทความเตือนสหรัฐฯ ว่าอย่ารื้อฟื้นมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในเดือน ส.ค. เพราะอาจจุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่
    .
    บทความดังกล่าวยังส่งสัญญาณไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยว่า หากมีการทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยแลกการลดภาษีกับการตัดจีนออกจากห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาค จีนจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด
    .
    พีเพิลส์เดลี่ระบุว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็น “การข่มเหงรังแก” และย้ำว่า “ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า การยึดมั่นในจุดยืนที่มีหลักการเท่านั้น จึงจะสามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศได้อย่างแท้จริง”
    .
    บทความลงนามโดย “จง เซิง” หรือ “เสียงของจีน” (Voice of China) ซึ่งมักใช้แสดงจุดยืนด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลจีน โดยเน้นว่าการเจรจาและความร่วมมือคือหนทางที่ถูกต้อง และจีนพร้อมตอบโต้หากสหรัฐฯ เดินหน้าตาม “เส้นตายสุดท้าย” ที่วางไว้
    .
    ในบทความยังพาดพิงถึงกรณี เวียดนาม ซึ่งเพิ่งบรรลุข้อตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ จาก 46% เหลือ 20% โดยมีเงื่อนไขว่าสินค้าที่ขนส่งผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น 'สินค้าจากจีน' จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 40%
    .
    “จีนขอคัดค้านอย่างหนักแน่น ต่อการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำข้อตกลงโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของจีน เพียงเพื่อต้องการแลกกับการลดภาษี หากสถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น จีนจะไม่ยอมรับ และจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดเพื่อปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ” พีเพิลส์เดลี่ระบุ
    .
    ท่าทีล่าสุดนี้มีขึ้น ในขณะที่จีนกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐฯ โดยมีเส้นตายถึงวันที่ 12 ส.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาใช้มาตรการภาษีในอัตราสูงกว่า 100% ที่เคยถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้
    .
    สำนักข่าว TODAY
    สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
    .
    #สำนักข่าวทูเดย์
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/1CgEfA4Pqh/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ประเทศไทยโดนสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษี 36% จัดอยู่ใน 14 ประเทศแรกที่ได้รับจดหมายแจ้งภาษีศุลกากร จากตอนแรกที่คาดหวังว่าการเจรจาจะช่วยลดภาษีลงได้ แต่ยังคงถูกเก็บเท่าเดิม
    .
    ที่สำคัญคือไทยถูกเก็บภาษีในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งอย่าง เวียดนาม มาเลเซีย เหตุผลเพราะอะไร แล้วผลกระทบที่ตามมาจะเป็นแบบไหน?
    .
    ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ภาษี 36% ถือว่าเซอร์ไพรส์มากและค่อนข้างร้ายแรง เราไม่รู้แน่ชัดว่าสหรัฐฯ ต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆ คือรู้ว่าสหรัฐฯ อยากใช้ตำแหน่งในการเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของโลก
    .
    เพราะถ้าไปดูการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่ต่อปีสูงถึง 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการขาดดุลที่มากที่สุดในโลก และการที่ขาดดุลเยอะขนาดนี้มันต้องมีการเอาเปรียบ และทรัมป์ก็อยากเข้ามาแก้ไขการโดนเอาเปรียบตรงนี้โดยการตั้งกำแพงภาษีขึ้นมา และอีกทางก็คือเพื่อสร้างรายได้กลับเข้าสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการคลังอยู่ด้วย
    .
    ตอนนี้ไทยและอีก 13 ประเทศ มองว่าเป็นกลุ่มแรกที่การเจรจาอาจจะไม่สำเร็จหรืออาจไม่ได้ไปต่อ และก็น่าจะมีกลุ่มที่สองที่จะถูกส่งจดหมายไปถึงในอีกสักระยะน่าจะราวๆ 100 ฉบับ และกลุ่มสุดท้ายที่กำลังเจรจากันอยู่ เช่น ยุโรปหรืออินเดีย
    .
    [ ถ้าเก็บ 36% จริงไทยจะเป็นยังไง? ]
    .
    ในกรณีที่มีการเก็บภาษี 36% ‘ดร.พิพัฒน์’ มองว่ากลุ่มที่น่าจะกระทบมากที่สุดคือ การเกษตร แม้ว่าถ้าเทียบกับ GDP แล้วจะมีสัดส่วนแค่ 8% แต่ถ้าดูการจ้างงานที่มีมากถึง 30% ดังนั้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจไม่เยอะแต่ผลกระทบต่อคนน่าจะเยอะมาก ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมหมูน่าจะมีคนในนั้นราวๆ แสนคน และยังมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องกันอีก
    .
    ในด้านผลกระทบต่อ GDP เราประเมินว่าถ้ามีการเก็บภาษี 36% จะกระทบ GDP ให้ลดลงราว 0.4-0.5% ซึ่งปีนี้เหลืออีกครึ่งปี ดังนั้นจะโดนแค่ช่วงหลังไม่ได้โดนทั้งปี 2568 ผลกระทบคาดว่าจะอยู่ที่ -0.2% แต่ถ้าลากยาวไปถึงปีหน้าทั้งปีคงกระทบหนักกว่านี้มากแน่นอน
    .
    ทั้งนี้ ในความเป็นจริงเชื่อว่าในหลายภาคส่วนอาจจะต้องเริ่มพูดถึงการเปิดเสรี การลดการช่วยเหลือ การคุ้มครอง เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และได้ปรับตัวตามสถานการณ์
    .
    [ ต้องทำยังไงสหรัฐฯ ถึงจะยอมลดภาษี ]
    .
    ‘ดร.พิพัฒน์’ เล่าถึงรีพอร์ตของสหรัฐฯ ว่าเคยโน๊ตไว้ว่าไทยมีประเด็นกีดกันทางการค้าหลายเรื่อง หรือพูดง่ายๆ คือไทยเก็บภาษีนำเข้าจากสหัฐฯ สูงมากกว่าที่สหรัฐฯ เก็บกับไทยมาตั้งนานแล้ว
    .
    อุตสาหกรรมที่ไทยเก็บเยอะที่สุดคือ การเกษตร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ธัญพืช หรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั้งหลายที่อาจจะโดนภาษีอยู่ที่ 30-50%
    .
    รวมถึงประเด็นค่าตรวจสินค้านำเข้าต่างๆ หรือการคอรัปชั่นที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และยังพูดถึงมาตรการทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหมูที่ไทยเคยไปเคลมว่ามีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างอยู่ เป็นต้น
    .
    และบางคนมีการพูดถึงมาตรการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการค้าเลย เช่น การร่วมมือกับบางประเทศที่อาจทำให้สหรัฐฯไม่ยอมลดภาษีหรืออาจจะเพิ่มภาษีมากขึ้นด้วยซ้ำ
    .
    ตอนนี้เรารู้แค่ว่าเรามีปัญหาหรือมีประเด็นอะไรกับสหรัฐฯ บ้างแต่คำถามคือแล้วถ้าเราทำตามสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการได้ทั้งหมด สหรัฐจะยอมลดภาษีให้ไทยไหม? ในส่วนนี้ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะเราไม่รู้ว่าแท้จริงสหรัฐฯ ต้องการอะไร
    .
    [ เดินเกมเจรจาอีกรอบ ]
    .
    อย่างไรก็ตาม ‘ดร.พิพัฒน์‘ มองว่าภาษีที่ 36% นี้น่าจะยังไม่ใช่สุดท้าย แต่น่าจะประกาศเพื่อเรียกให้มีการเข้าไปเจรจาใหม่อีกครั้ง และแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เอาจริงถ้ายังไม่มีการเจรจาข้อตกลงที่ถูกใจ เชื่อว่าตอนนี้ประตูยังไม่ได้ปิด ยังมีเวลาให้สามารถเข้าไปเจรจาได้เนื่องจากมีการเลื่อนเวลาจากวันที่ 9 ก.ค. 68 ไปเป็น 1 ส.ค. 68 แทน
    .
    ในท้ายที่สุด คงต้องไปดูว่าสหรัฐฯ ต้องการอะไร เราต้องทำเท่าไหร่ถึงจะพอ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวไปเป็นวิเคราะห์จากสถานการณ์ภาพรวม คนที่รู้ดีที่สุดคือคนที่อยู่ในห้องเจรจา ซึ่งการเจรจาถือเป็นเรื่องที่ยากมากเพราะเกี่ยวข้องกับประโยชน์กับผลประโยชน์ ชีวิตคน อุตสาหกรรมและแรงงานจำนวนมาก
    .
    #TODAYBizview
    #MAKETomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/19SLmS6RD7/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ด่วน! ปธน.ทรัมป์เผยช่วงเช้าจะมีอีกไม่ต่ำกว่า 7 ประเทศ และมีประเทศเพิ่มอีกเรื่องภาษีในช่วงบ่าย เก็บภาษีทองแดงเพิ่ม 50% เก็บภาษียาเพิ่ม 200% เก็บภาษีเพิ่ม 10% ชาติในกลุ่มบริคส์(BRICS)เร็วๆ นี้ BTimes
    https://www.facebook.com/share/16DVobdVAE/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Jul 8, 2025 ด่วน! ปธน.ทรัมป์โพสต์ ไม่มีการเลื่อนวันเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่มีผล 1 สิงหาคม 2025 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น สหรัฐจะส่งจดหมายภาษีรอบสองในวันนี้ และรอบต่อไปในวันต่อๆ ไป

    วันนี้ 8 กรกฎาคม 2025 เวลา 10.45 น. หรือตรงกับเวลา 21.45 น. เวลาไทย ประธานาธิบดีสหรัฐสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการส่งจดหมายภาษีรอบที่สองในวันนี้และวันต่อๆไป มีดังนี้

    ตามจดหมายภาษีที่ส่งไปยังประเทศต่างๆ เมื่อวานนี้ นอกเหนือจากจดหมายภาษีที่จะส่งในวันนี้ พรุ่งนี้ และในช่วงเวลาสั้น ๆ ถัดไปนั้น อัตราภาษีศุลกากรจะเริ่มจ่ายในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเวลานี้ และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น พูดอีกด้านหนึ่ง เงินภาษีศุลกากรทั้งหมดจะถึงกําหนดจ่าย และชําระให้สหรัฐตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 จะไม่มีการขยายระยะเวลาอีกต่อไป ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้!

    #สงครามภาษี #สงครามการค้า #สหรัฐ #เวียดนาม #อาเซียน #เศรษฐกิจ #BTimes #ไทย #กัมพูชา #สปปลาว #ลาว #เมียนมา #พม่า #เขมร #จีน

    https://www.facebook.com/share/p/16t9uGr1Y9/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ด่วนระวังโดมิโน⚠️⚠️⚠️นาทีนี้เกิดการเทขายพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นระห่ำแหลก ถึงขั้นบัดซบสุดตั้งแต่ปี 2008!!!!! จับตาให้มั่น ตั้งหลักอยู่ไม่อยู่ ถ้าไม่อยู่แล้วลามล่ะยุ่งเลย
    เช้านี้ yield พันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 10 ปี (benchmark หลัก) โดดแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ yield ของอายุ 20 ปี สูงสุดตั้งแต่ปี 2000 โน่นเลย
    (*bond พันธบัตร/หุ้นกู้ : ยิ่ง yield สูง แปลว่ายิ่งราคาตก แปลว่า bond นั้นยิ่งไม่ดี)
    ถ้าตามข่าว คือ เพราะหวั่นวิตกว่างบประมาณรัฐบาลจะบานเบอะเหวอะหวะ จึงชิงกระหน่ำเทขายพันบัตรรัฐบาล (พันธบัตร ว่าง่ายๆ ก็คือหนี้ที่รัฐบาลกู้)
    แต่จริงๆ น่าจะเพราะคลื่นลมที่แปรปรวนของกระแสโลกมากกว่า
    ตอนนี้มันปั่นป่วนเกินคาดเดา
    เพราะที่จริง ทั่วไปแล้ว พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นและเยอรมันถือว่าเป็น safe haven "ที่พึ่ง/เครื่องยึดเหนี่ยวทางการลงทุน" ของโลกเราเช่นกัน
    เพียงแต่ว่าศักดิ์มันรองๆ มาจากเสาหลักอย่างดอลลาร์ / ทอง / พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
    ซึ่งตอนนี้ ทั้งสงครามการค้าเอย สงครามนองเลือดเอย หรืออะไรใดๆ ... แต่เน้นๆ เลย คือความพลุ่งพล่านเกินพิกัดของทรัมป์นี่แหละ ที่ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด
    ตอนนี้ safe haven หลัก ไม่ใคร่จะดี (มีแค่ทองที่พอถูไถ) --- แทนที่จะให้เกาะยึด กลายเป็นตัวมันก็โงนเงนไป
    ที่น่าสนใจ คือ safe haven รองๆ อย่างเงินสวิสฟรังก์ผงาดพรวดขึ้นมาชูช่อ
    ที่น่าเสียว คือ พันธบัตรเยอรมันก็โซเซ
    ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง คือ พันธบัตรญี่ปุ่นไปซะแล้ว
    ย้ำว่าแย่สุดตั้งแต่ปี 2008 นี่ไม่ใช่เล่นๆ นะครับท่าน

    ระวัง ระวัง ระวัง

    อายุ 10 ปี
    FB_IMG_1752587119145.jpg

    อายุ 20 ปี
    FB_IMG_1752587126039.jpg
    https://www.bloomberg.com/news/arti...ighest-since-2008-md3rxdv1?srnd=homepage-asia

    https://www.facebook.com/share/19TqxW13Gi/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น นิสสันจะหยุดผลิตรถที่โรงงานโอปปามะในปี 2027 และยุติการผลิตที่โรงงานโชนันในปีหน้า

    ประกาศสำคัญ
    ▪️ บริษัทนิสสันจะหยุดการผลิตรถยนต์ที่โรงงานโอปปามะ (จ.คานางาวะ) ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2027
    ▪️ การผลิตจะถูกย้ายและรวมเข้ากับโรงงานในจ.ฟุกุโอกะ (นิสสันมอเตอร์ คิวชู)
    ▪️ โรงงานโชนัน (จ.คานางาวะ) ซึ่งเป็นของบริษัทย่อย นิสสันชะไต จะยุติการผลิตรถยนต์ภายในปีงบประมาณหน้า (2026)

    เหตุผล
    ▪️ นิสสันประสบปัญหาขาดทุนหนัก 6,700 พันล้านเยนในปีที่แล้ว
    ▪️ มีแผนปรับโครงสร้าง โดยลดจำนวนพนักงาน 20,000 คนทั่วโลก และปิดโรงงาน 7 แห่ง ภายในปี 2027
    ▪️ โรงงานโอปปามะมีปัญหาเรื่อง "อัตราการใช้งานต่ำ" แม้จะเคยเป็นโรงงานสำคัญของบริษัทมาก่อน

    ผลกระทบ
    ▪️ โรงงานโอปปามะมีพนักงานฝ่ายผลิตประมาณ 2,400 คน จากทั้งหมดราว 4,000 คน
    ▪️ จะทำงานต่อจนถึงปี 2027 และยังไม่มีแผนชัดเจนหลังจากนั้น
    ▪️ ยังไม่ตัดสินใจว่าจะให้บุคคลภายนอกซื้อหรือใช้พื้นที่ทำกิจการอื่นต่อ

    การตอบสนองจากฝ่ายบริหาร
    ▪️ อีวาน เอสปิโนซา ประธานบริษัท กล่าวว่าเป็น “การตัดสินใจที่เจ็บปวด” แต่จำเป็นต่อการฟื้นฟูบริษัท
    ▪️ ยืนยันว่าจะไม่ลดจำนวนฐานการผลิตในญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก
    ▪️ อยู่ระหว่างหารือกับหลายบริษัท (รวมถึง “ฮอนไฮ” จากไต้หวัน) เพื่อหาทางใช้พื้นที่โอปปามะในอนาคต แต่ยังไม่มีข้อสรุปหรือข้อตกลง

    เสียงสะท้อนจากพนักงานและชุมชน
    ▪️ พนักงานแสดงความตกใจและกังวลเรื่องอนาคต
    ▪️ นายกเทศมนตรีของเมืองโยโกสุกะและฮิราสึคะแสดงความเสียใจและประกาศจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านการจ้างงาน

    ข้อมูลเพิ่มเติม
    ▪️ โรงงานโอปปามะเริ่มดำเนินการในปี 1961 เคยผลิตรถรุ่นดังอย่าง Bluebird, March และ Leaf
    ▪️ ปัจจุบันผลิตเฉพาะรุ่น Note มีความสามารถผลิตได้ 240,000 คันต่อปี
    การผลิต Leaf ได้ย้ายไปยังโรงงานในจ.โทจิกิแล้วในปีนี้

    สรุป:
    ▪️ นิสสันตัดสินใจยุติการผลิตรถที่โรงงานโอปปามะและโชนันภายในปี 2027 และ 2026 ตามลำดับ เพื่อปรับโครงสร้าง ลดต้นทุน และมุ่งฟื้นฟูกิจการ โดยพยายามหาทางลดผลกระทบต่อพนักงานและชุมชนท้องถิ่นให้มากที่สุด.

    ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250715/k10014863841000.html

    https://www.facebook.com/share/1F9dKW1Sh7/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    72 ชั่วโมงแห่งนรก: สายพานสังหารระบบรัสเซีย บดขยี้แนวรบยูเครนในคราสโนกราด
    วีระ สระกวี / 20.7.68
    ก่อนที่ควันไฟในชานเมืองคราสโนกราดจะทันจางหาย แผนที่การรบของกองทัพยูเครนก็ท่วมท้นไปด้วยสีแดงภายในเวลาเพียง 3 วัน รายงานจากแนวรบคูร์สก์ช่างน่าหวาดเสียว: ทหารกว่า 3,000 นาย สาบสูญหรือสังเวยชีวิต คลังอาวุธใหญ่สุดทางตะวันตกของกรุงเคียฟระเบิดเป็นจุณ หลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธยุทธวิธี เจ้าหน้าที่และทหารเกือบ 500 นาย กลายเป็นเชลยศึก ส่วนรถถังหลักกว่า 30 คัน ถูกแปลงสภาพเป็นเศษเหล็กเกลื่อนพื้น ภายใต้การโจมตีแม่นยำสามมิติของรัสเซีย นี่ไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ในพื้นที่ แต่คือ “การเชือดเฉือนเชิงยุทธศาสตร์” ที่ออกแบบมาอย่างละเอียด พิสูจน์แล้วว่าสงครามสมัยใหม่สามารถทำลายแนวป้องกันได้อย่างไร้ปรานี ด้วยความนองเลือดสุดขีด
    ยุทธวิธีรัสเซียรัดกุมดั่งงูเหลือม: รถถังโหมกระหน่ำแนวรบเหนือ ทหารพลร่มรุกตัดหลังแนวรบทิศตะวันออก ขณะที่จรวดถล่มจุดรวมพลสำรองทางตะวันตกไม่ให้ตั้งตัว ทว่าสิ่งที่โหดร้ายกว่าคือ “ดวงตาจากฟ้า” — โดรนรัสเซียบินวนเหมือนอีแร้ง คอยชี้เป้าการยิงปืนใหญ่เรียลไทม์ ถล่มทุกจุดบัญชาการ คลังกระสุน และแม้แต่สถานีพยาบาลสนาม เสียงวิทยุสุดท้ายจากเสนาธิการยานยนต์ยูเครนก่อนสัญญาณขาดหายยังก้องกังวานด้วยความอิดโรย: “เพิ่งขุดหลุมหลบภัยเสร็จ... กระสุนก็ตามมาถึงแล้ว!”
    หายนะแท้จริงมักเกิดที่ “เส้นเลือดใหญ่” มากกว่าแนวหน้า: ขณะที่กำลังหลักยูเครนติดพันการสู้รบดุเดือดที่คูร์สก์ หน่วย “อิสกันเดอร์” ของรัสเซียก็ยึดครองคราสโนกราด — จุดขนส่งยุทธศาสตร์สู่เคียฟ — ได้อย่างเงียบเชียบ พอรุ่งสาง ขีปนาวุธ 6 ลูก ติดหัวรบกระจาย (cluster munitions) ถล่มเป้าหมายแม่นยำ คลื่นระเบิดเหวี่ยงกระสุนนับพันตันลอยฟุ้งกลางอากาศ เปลวไฟสว่างวาบครึ่งฟ้า ศูนย์ลำเลียงเสบียง 40% ของแนวหน้ากลายเป็นอัมพาตในพริบตา เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ทันที: ฐานปืนใหญ่คาร์คิฟถอยยิง 70% เพราะขาดกระสุนฉุกเฉิน ทหารเริ่มส่ง “คลิปวิดีโอคำสุดท้าย” ผ่านมือถือเป็นการส่วนตัว — นี่ไม่ใช่ความขลาด หากคือความแค้นและหวาดกลัวต่อภาวะ “กระสุนแห้ง”
    สงครามวันนี้ไม่ใช่ยุครถถังประจันบานอีกแล้ว ความลับชัยชนะรัสเซียอยู่ใน “สงครามระบบ” 4 คำ: หน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์ตัดการบังคับบัญชา โดรนลาดตระเวนตรึงเป้าหมาย อำนาจการยิงระยะไกลครองพื้นที่ และเครื่องบินรบ Su-34 ถล่มแบบแม่นตรง การประสานงานราบรื่นดุจตำราเรียน ขณะที่รถถังยูเครนยังก้มหน้ามองป้ายในโคลน กระสุนทำลายล้างก็ถูกส่งตรงสู่หัวแม่นเป้า ผู้บัญชากองพันรถถังยูเครนที่ถูกจับยอมรับด้วยความหมดทาง: “ป้อมปืน T-64 ระเบิดตู้มก่อนเห็นข้าศึก พวกเขาสู้ด้วยระบบ ส่วนเราได้แต่พึ่งโชคอุปกรณ์!”
    ภาพลวง “ความช่วยเหลือตะวันตก” เริ่มร้าวเเตกกับความโหดจริงสมรภูมิ: 3 สัปดาห์หลังรถถัง Leopard 2 จากเยอรมนีมาถึง 4 คันจากนั้นถูกจรวดร่อน “แลนเซท” ทะลวงกลางทางเคลื่อนพล ส่วนปืนจรวด “ฮายมาร์ส” ของสหรัฐฯ ต้องกระจายกำลังไปซ่อนป่าล่อมแคม ข้อได้เปรียบพิสัยยิงถูกหักล้างด้วยเรดาร์ต้านปืนใหญ่รัสเซียและจรวดความเร็วเหนือเสียง “ดาเกอร์” ผู้มีสติย่อมรู้ว่า “ไม่ว่าอาวุธจะทันสมัยแค่ไหน หากไร้ระบบสนับสนุน มันก็แค่เป้าราคาแพงกลางสมรภูมิ” ที่ปรึกษานาโต้แนวหน้ารำพึงส่วนตัว: “เราให้ปืนดี... แต่พวกเขาขาดสายพานผลิตกระสุนที่ยั่งยืน”
    ในร้านกาแฟเคียฟ ผู้คนจ้องจอโทรศัพท์ด้วยความเงียบงัน พนักงานส่งพิซซ่าคนหนึ่งกระซิบ: “พี่ชายผมอยู่คูร์สก์... หายสาบสูญ 3 วันแล้ว” เมื่อมหาอำนาจใช้ความช่วยเหลือเป็นเบี้ยเกมการเมือง ทหาร-พลเรือนในสมรภูมิคือผู้จ่ายค่าเลือด คลังสินค้าตะวันตกส่งอุปกรณ์ได้ไม่ขาดสาย แต่ชดเชย “ชีวิต” ไม่ได้ — ทั้งทหารวัย 18 จมโคลน โรงพยาบาลสูติฯ กระจกแตกจากคลื่นรบกวน หรือเด็กที่พ่อไม่หวนคืน... เหล่านี้คือค่าเสียหายที่เงินช่วยเหลือใดๆ ก็ทดแทนไม่ได้
    สมดุลสมรภูมิเอียงด้วย “ระบบอุตสาหกรรมทหารที่ครบวงจร” และการป้องกันเชิงลึกของรัสเซีย ขณะที่การพึ่งพาต่างประเทศมากเกินของยูเครนเผยจุดอ่อนชัดเจน: “ใช้อัตราสูงกว่าความสามารถผลิตทดแทน” การสูญเสียทหารเกณฑ์ผ่านศึกชดเชยยาก แนวคิดยุทธศาสตร์เริ่มหลวมเหลว แม้ทำเนียบขาวประกาศส่งขีปนาวุธเพิ่ม แต่ชาวรัสเซียอย่างซาคาโรวาก็ประชดแพร่เน็ต: “ยินดีต้อนรับทีมขนส่ง! ทันเวลาพอดี... ขีปนาวุธพวกคุณจะได้เป็นเป้าฝึกจริงของเรา!”
    บทสรุปเกมนี้เผยความจริงอันโหด: “ชาติใหญ่อาจเสียอาวุธ... แต่ชาติเล็กเสียอนาคตทั้งรุ่น” ขณะที่ภาพวาด “คุณพ่อวีรบุรุษ” ของเด็กอนุบาลเคียฟยังประดับผนัง ห่างออกไป 300 กม. ทหารเกณฑ์รุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งกำลังถือปืนสนิมเดินสู่เตาหลอมเหล็ก สงครามไม่เชื่อน้ำตา... มันเชื่อในความแกร่งของเหล็กกล้าและระบบที่สมบูรณ์ ส่วนโศกนาฏกรรมยูเครนคือราคาของการเป็นเบี้ยหมากรุก — ถูกบดขยี้โดยหมากที่หนักกว่าและเกมที่เหนือกว่าโดยแท้
    https://www.facebook.com/share/19B3CM8b75/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Jul 20, 2025 ด่วน! แผ่นดินไหวรุนแรงมาก 2 ครั้ง ขนาด 7.4 แมกนิทูดในมหาสมุทรแปซิฟิกห่างชายฝั่งคัมชัตก้าตอนเหนือของรัสเซีย เตือนคลื่นสึนามิที่รัฐฮาวาย และรัสเซีย

    สำนักธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือยูเอสจีเอส ประกาศว่า วันนี้ 20 กรกฎาคม 2025 เมื่อเวลา 7.22 น. ตามเวลาจีเอ็มที หรือเวลา 14.20 น. ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงอย่างน้อย 2 ครั้ง วัดระดับการสั่นไหวได้ 7.4 แมกนิทูด จุดศูนย์กลางการสั่นไหวอยู่ใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก ห่างราว 129 กิโลเมตรจากชายฝั่งคัมชัตก้า ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย แรงสั่นสะเทือนขนาดรุนแรงส่งผลให้รัฐฮาวายประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศคำเตือนคลื่นยักษ์สึนามิ รวมถึงบริเวณพื้นที่ชายฝั่งประเทศรัสเซียประกาศเตือนคลื่นยักษ์สึนามิเช่นกัน

    #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #รัสเซีย #สหรัฐ #สึนามิ #BTimes
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Jul 20, 2025 ยังไม่สุด! สภาพตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพตกต่ำเลวร้ายใน 16 ปี เปิดตัวใหม่สุดซึมติดลบกว่า 90% แย่กว่าช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 เปิดตัวรายไตรมาสแย่สุดเฉลี่ยในรอบ 10 ปีต่อเนื่อง

    นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า จำนวนห้องชุดเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ในกรุงเทพมีเพียง 373 หน่วย ทำสถิติเปิดขายใหม่ในระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 16 ปี หรือนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลกเมื่อปี 2009 นอกจากนี้ จำนวนห้องชุดเปิดใหม่ดังกล่าวยังตกต่ำรุนแรงถึง -94.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2024

    ที่สำคัญ ทำสถิติจำนวนตกต่ำกว่าไตรมาส 2 ของปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยซบเซาอย่างรุนแรงจากวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ ภาวะตลาดห้องชุดหรือคอนโดมิเนียมในไทยที่ตกต่ำอย่างชัดเจนสะท้อนจากค่าเฉลี่ยการเปิดขายคอนโดมิเนียมไตรมาส 2 ย้อนกลับไปเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่เปิดตัวใหม่ระหว่าง 8,000–12,000 ยูนิตต่อไตรมาส

    สาเหตุการเปิดตัวจำนวนห้องชุดในไตรมาสที่ 2 ตกต่ำมาจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของกลุ่มต้องการอยู่จริงถูกจำกัด ต้นทุนการพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้นจากผลพวงของราคาวัสดุก่อสร้างและราคาที่ดิน ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาลที่ยังขาดความชัดเจน
    �ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ การฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในไทยขึ้นอยู่กับมาตรการภาครัฐบาล เช่น การลดดอกเบี้ย หรือมาตรการส่งเสริมการซื้อบ้านครั้งแรก ดังนั้น การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในอนาคตจึงเน้นไปที่ ทำเลที่มีความต้องการซื้ออยู่อาศัยชัดเจน เช่น ใจกลางเมือง แนวรถไฟฟ้า หรือพื้นที่ที่รัฐบาลมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่สำคัญ เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับพรีเมียม ได้แก่ นักบริหารมืออาชีพ หรือ นักลงทุนต่างชาติ

    #คอนโด #คอนโดมิเนียม #ห้องชุด #อสังหาริมทรัพย์ #กรุงเทพ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/16tVavZWsY/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,260
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ทูตไทย UN เก็บเนี๊ยบทุกประด็น
    สู้เขมร ในสมรภูมิรบ UN
    แถลงต่อ UNSC
    ประณาม กัมพูชารุกราน
    ไทยอดทนอย่างถึงที่สุดแล้ว
    ลั่น กำลังทหารไทยถูกบังคับ ให้ต้องป้องกันตนเอง แต่ทำอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วน
    ชี้ เขมร ละเมิดอธิปไตย-โจมตีพลเรือน
    ยัน ไม่ได้ยิง ปราสาทพระวิหาร
    แต่การสู้รบ ที่ ภูมะเขือ ห่างไป2 กม. ไทยไม่มีเป้าหมายโจมตีปราสาท
    ยัน ทหารไทย ตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเองตามกฎบัตร UN
    เรียกร้องเขมร หยุดใช้ความรุนแรง -หยุดรุกรานไทย ทันที

    .
    ถ้อยแถลงโดย นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ในการประชุมส่วนตัวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC)

    ภายใต้หัวข้อ “ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” เมื่อวันที่ 25 กรกฎายน 2568 ที่ห้องประชุมคณะมนตรีความมั่นคง สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ, นครนิวยอร์ก

    ผมขอแสดงความขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ท่านได้จัดการประชุมครั้งนี้ และขอขอบคุณผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่ Khiari สำหรับการบรรยายสรุปอันมีคุณค่าของท่าน

    เป็นสิทธิพิเศษและเกียรติยศของผมเสมอมาที่ได้กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

    วันนี้ผมถูกบังคับให้ต้องกล่าวถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุด – การรุกรานที่ไม่มีการยั่วยุจากกัมพูชาคุกคามอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มุ่งมั่นในสันติภาพ ดังที่พวกเราทุกคนในห้องนี้ทราบดี

    ขอให้ผมกล่าวอย่างตรงไปตรงมา ประเทศไทยถือว่ากัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดและเป็นสมาชิกที่ใกล้ชิดของครอบครัวอาเซียนมาโดยตลอด นับตั้งแต่เอกราชของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2496 ประเทศไทยได้ทุ่มเทความพยายามอย่างไม่ลดละในการสนับสนุนกระบวนการสันติภาพ การสร้างชาติและการพัฒนาผ่านข้อตกลงปารีสในปี พ.ศ. 2534 และการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของกัมพูชาในปี พ.ศ. 2542 ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศทั้งสองของเราได้ร่วมมือกันด้วยเจตนาดีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของเรา

    แต่ในกรณีของความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านใด ๆ ก็ตาม ประเทศไทยและกัมพูชามีส่วนแบ่งที่เป็นธรรมในความท้าทายและความแตกต่าง และในขณะเช่นนี้เองที่การเจรจา ไม่ใช่ความรุนแรง ต้องมีชัย นี่คือเหตุผลที่เรามาอยู่ที่นี่ในห้องนี้ในวันนี้

    เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ได้เกิดการปะทะเล็กน้อยขึ้นที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ในขณะนั้น ทหารไทยกำลังปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามเส้นทางที่กำหนดไว้ในเขตแดนของประเทศไทย เพื่อตอบโต้การยิงที่ไม่มีการยั่วยุโดยกองกำลังทหารกัมพูชาเข้าสู่ดินแดนไทย

    กองกำลังไทยถูกบังคับให้ใช้มาตรการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วน โดยสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศไทยเชื่อเสมอว่าช่องทางทวิภาคีเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเราได้ขอให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) ดังที่ผู้บรรยายได้กล่าวถึง เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหากับกัมพูชา ซึ่งการประชุมดังกล่าวได้จัดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่กรุงพนมเปญ

    แม้จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม กำลังพลทหารไทยได้เหยียบกับระเบิดในระหว่างการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในเขตแดนของประเทศไทยเอง ผลก็คือ มีทหารสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การทุพพลภาพถาวร ในขณะที่อีกสองนายได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน หลักฐานยืนยันว่ากับระเบิดถูกปลูกในพื้นที่ที่เคยปลอดระเบิดมาก่อน ท่านอาจจะตระหนักว่าประเทศไทยได้ทำลายกับระเบิดต่อต้านบุคลากรทั้งหมดแล้ว รวมถึงที่ถูกเก็บไว้เพื่อการวิจัยและฝึกอบรม ตั้งแต่ปี 2562

    ในทางตรงกันข้าม จากรายงานความโปร่งใสของกัมพูชาเองเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว กัมพูชายังคงเก็บกับระเบิดประเภทนี้ไว้ นี่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กับระเบิดต่อต้านบุคคล หรือที่รู้จักกันในชื่ออนุสัญญาออตตาวา ซึ่งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นรัฐภาคี โดยขัดต่อเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ที่ลงนามในเดือนพฤศจิกายน 2567

    จากสถานการณ์ที่ร้ายแรงนี้ ประเทศไทยได้ส่งจดหมายสองฉบับถึงประธานการประชุมรัฐภาคีครั้งที่ 22 ของอนุสัญญา โดยให้รายละเอียดของเหตุการณ์และประณามการกระทำเหล่านี้อย่างรุนแรงที่สุดว่าเป็น การจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการสหประชาชาติเพื่อขอคำชี้แจงจากรัฐบาลกัมพูชาตามมาตรา 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาดังกล่าว

    จากนั้น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 08.20 น. กองกำลังกัมพูชาได้เปิดฉากยิงปืนใหญ่หนักเข้าใส่ฐานทัพไทยที่ตำบลตาโมกข์ ตม. สุรินทร์ หลังจากนั้นไม่นาน กองกำลังกัมพูชาก็เปิดฉากโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้าในพื้นที่ชายแดนไทยสี่จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี การกระทำที่เลือกปฏิบัติ ผิดกฎหมาย และไร้มนุษยธรรมนี้

    และขอให้ผมเน้นย้ำคำว่า การเลือกปฏิบัติ – การโจมตีด้วยอาวุธทำให้เกิด อันตรายร้ายแรงและความทุกข์ทรมานต่อพลเรือน มีพลเรือนสี่รายเสียชีวิต และอีก4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน รวมถึงโรงพยาบาลและโรงเรียน ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

    จากข้อมูล เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. ในช่วงที่โจมตี มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย ซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤต ขออนุญาตให้ผมพูดซ้ำคำว่า “อย่ามองข้ามไป” [แสดงภาพผู้บาดเจ็บพลเรือน] เมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน และพลเรือนถูกโจมตี ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งไปซื้อของชำ ได้เข้าไปในร้านขายของชำแห่งนี้ แม่และลูกสามคนไม่เคยออกมาอีกเลย อย่ามองข้ามไป ผู้คนกว่า 130,000 คนต้องอพยพออกจากบ้าน

    การอ้างคำกล่าวของผู้แทนถาวรกัมพูชาที่กล่าวในการประชุมเดียวกันในส่วนนี้ ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด การโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าและไร้มนุษยธรรมของกัมพูชาต่อพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ – โดยเฉพาะโรงพยาบาล – ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวา พ.ศ. 2492 โดยเฉพาะมาตรา 19 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และมาตรา 18 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4

    การโจมตีและการใช้อาวุธที่ไม่มีการยั่วยุและไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าเหล่านี้โดยกองกำลังกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อมาตรา 2 วรรค 4 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งเราทราบดีว่าห้ามการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนหรือเอกราชทางการเมืองของรัฐ ซึ่งเป็นหลักการของความสัมพันธ์เพื่อนบ้านที่ดี การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความสามัคคีของอาเซียน

    แม้จะมีความอดทนอย่างที่สุด ประเทศไทยก็ถูกบังคับให้ต้อง กระทำเพื่อป้องกันตนเองภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ การตอบสนองของเราถูกจำกัดอย่างเคร่งครัดในขอบเขต ได้สัดส่วน และมุ่งเป้าไปที่การทำให้ภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึ้นจากกองกำลังกัมพูชาเป็นกลางเท่านั้น มาตรการทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่เป้าหมายทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีความพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายพลเรือน

    จุดยืนของประเทศไทยมีความชัดเจนและสอดคล้อง: เรายึดมั่นในหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐ และเรายืนยันอีกครั้งถึง การเคารพอย่างเต็มที่ต่ออธิปไตยแห่งชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน – หลักการที่ก่อให้เกิดรากฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศและเสถียรภาพระดับภูมิภาค

    ในฐานะประเทศที่รักสันติ ประเทศไทยปฏิเสธการใช้กำลังเป็นวิธีการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างเด็ดขาด โดยยังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการระงับข้อพิพาทอย่างสันติ โดยสอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีหลายประการ รวมถึงคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขความแตกต่างและป้องกันการยกระดับ ดังนั้น คณะมนตรีจึงเสียใจอย่างยิ่งที่กัมพูชา จงใจบ่อนทำลายการเจรจาที่มีความหมาย และพยายามทำให้ปัญหาเป็นสากลเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตนเอง

    เกี่ยวกับการกล่าวหาเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นบริเวณโดยรอบและโครงสร้างของปราสาทพระวิหาร ผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่าประเทศไทยได้ใช้ในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยึดหลักการความแตกต่าง, สัดส่วน และความจำเป็นทางทหาร การกระทำที่ตอบสนองทั้งหมดถูกจำกัดอย่างเคร่งครัดอีกครั้งที่เป้าหมายทางทหารที่ชอบด้วยกฎหมาย

    ไม่มีการแลกเปลี่ยนกระสุนปืนใดๆ ระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา เกิดขึ้นใกล้ปราสาทพระวิหาร แต่เป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่รอบภูมะเขือ ซึ่งห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 2 กิโลเมตร ตัวปราสาทเองอยู่นอกเส้นทางของปฏิบัติการทางทหารของไทย เป็นไปไม่ได้ที่กระสุนหรือสะเก็ดระเบิดจากการยิงปืนที่ภูมะเขือจะไปถึงหรือสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อปราสาทพระวิหาร

    คำกล่าวที่กล่าวมาจึงไม่มีมูล ความเสียใจ และน่าผิดหวังอย่างยิ่ง มันเป็นเพียง การเผยแพร่ข้อมูลที่ผิด ประเทศไทยเรียกร้องให้กัมพูชาละเว้นจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดซึ่งมีแรงจูงใจทางการเมืองหรือบิดเบือนมรดกทางวัฒนธรรม ดังนั้น เราจึงหวังอย่างจริงใจว่ากัมพูชาจะกระทำด้วยความสุจริตและยึดมั่นในพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อประกันการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม

    เกี่ยวกับการใช้กระสุนพวง ประเทศไทยขอเน้นย้ำว่าการกระทำทางทหารของเรายึดหลักการ ความแตกต่าง, สัดส่วน และความจำเป็นทางทหาร กระสุนพวงถูกใช้เพื่อมุ่งเป้าหมายทางทหารโดยเฉพาะ

    ประเทศไทยเรียกร้องให้กัมพูชา ยุติความเป็นปรปักษ์และการกระทำที่เป็นการรุกรานทั้งหมดทันที และ กลับสู่การเจรจาด้วยความสุจริต

    ขอบคุณครับ

    #ThailandAtUN
    #UNSC

    https://www.facebook.com/share/p/1BrjZsH642/
     

แชร์หน้านี้

Loading...